การขอวีช่าไปอังกฤษสำหรับผมถือว่าค่อนข้างยากมาก ผมไม่เคยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมาก่อนเลย จะเดินตรงๆไปขอวีช่าคงจะไม่ผ่านแน่ๆเลย แล้วผมก็ลองค้นหาข้อมูลจากคนที่เคยของวีช่าไปอังกฤษแล้วเขาก็บอกว่าถ้ามี
ประวัติการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆจะทำให้ขอวีช่าได้ง่ายขึ้น
ผมก็เลยคิดว่าผมจะต้องสร้างประวัติการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศใกล้ๆบ้านเราก่อน ไปประเทศที่ไม่ต้องขอวีช่าเข้าประเทศ
สามารถเดินทางเขาไปเที่ยวได้เลย
ประเทศที่ผมวางแผนไว้สำหรับการสร้างประวัติการเดินมีประมาณ 3 ประเทศ คือ
สิงคโปร์ ฮ่องกง และ ญี่ปุ่น น่าจะเพียงพอสำหรับการสร้างประวัติการเดินทาง
สาเหตุที่ผมเลือกเอา 3 ประเทศนี้ มันมีเหตุผลนะ
สิงคโปร์ อยู่ใกล้บ้านเราไม่ต้องขอวีช่า ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับก็ไม่แพง
เป็นประเทศที่ปลอดภัยมาก มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวเยอะ
แล้วยังใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เป็นการฝึกภาษาได้ดีที่เดี่ยว
และค่าใช้จ่ายน่าจะน้อยที่สุด
ฮองกง เป็นประเทศที่ผมอยากจะเดินทางไปเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ ประเทศไม่ใหญ่มาก การเดินทางสะดวก มีคนไทยไปเที่ยวเยอะและน่าจะใช้เงินไม่มากเท่าไร น่าจะพอหาได้
ญี่ปุ่น น่าจะเป็นประเทศที่ใช้งบประมาณในการท่องเที่ยวมากกว่า สิงคโปร์ กับ
ฮองกง แต่ก็ควรจะไปเที่ยวดู มีคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นจำนวนมาก
มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามจำนวนมาก ผมอยากจะไปลองสัมผัส หิมะ อยากจะเล่นสกี
และอยากจะไปดูฟุตบอลเจลีกแข่งด้วย
ทั้ง 3 ประเทศนี้คงน่าจะเพียงพอกับการสร้างประวัติการเดินทาง
แต่อาจจะมีเพิ่มอีกประเทศคือ ประเทศพม่า อยู่อยากจะไปไหว้เจดีย์ชเวดากอง
สักครั้งนึง แต่ 3
ประเทศแรกคงจะไปแน่นอนตั้งงบการท่องเที่ยวครั้งนี้ไว้ประมาณ 50,000 บาท
คงน่าจะเพียงพอ เที่ยวแบบประหยัดเอาแล้วกัน
แล้วอีกอย่างที่นอกเหนือจากการสร้างประวัติการเดินทางแล้ว ผมน่าจะได้ประสบการณ์การเดินทางและการใช้ชีวิตในต่างประเทศ น่าจะเป็นประโยชน์มากสำหรับผมในการที่ต้องเดินทางไปอังกฤษ ประเทศที่ไกลจากเรามาก
บล็อกนี้ผมทำขึ้นมาเพื่อรวบรวมข้อมูลและบันทึกการเดินทางตามหาความฝันในการที่จะไปดูลิเวอร์พูลแข่งที่สนามแอนฟิลด์ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560
วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559
แผนการหารายได้สำหรับไปดูลิเวอร์แข่งที่แอนฟิลด์
วันนี้ผมอยากจะมาวางแผนการหาเงินที่จะนำมาใช้ในการไปดูบอลพรีเมียร์ลีก
นัดที่ลิเวอร์แข่งในบ้านนั้นต้องใช้เงินค่อนข้าง(สำหรับผมนะ
คนอื่นอาจจะน้อย) เลยต้องมาวางแผมกันชักหน่อยว่าเราจะนำเงินจากที่ไหน
แล้วจะเก็บออมอย่างไร
ตอนนี้ผมได้งานที่จะใช้หารายได้ในโปรเจคนี้แล้ว คือ
1. เล่น Tfex พอดีเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ผมได้ไปที่โบรกเกอร์ที่ผมใช้เล่นหุ้น แล้วผมจึงได้โอกาสไปเปิดบัญชีที่สำหรับใช้เล่น Tfex ก็เลยมีความคิดว่าจะเอาเงินที่ได้ตรงนี้แหละ เป็นแหล่งรายได้สำหรับการไปดูฟุตบอล โดยที่ผมจะใช้เงินสำหรับ Tfex ประมาณ 20,000 - 30,000 บาท ไม่น่าจะเกินจากนี้ เพราะคงน่าจะหาเงินมาได้แค่นี้ ผมคงจะเล่นแบบค่อยๆเป็นค่อยๆ เสี่ยงน้อยๆ ก่อนยังไม่มีประสบการณ์
ถ้าเอามาคำนวน วันนี้ที่จะไปตาม โปรแกรมเล่นในบ้านของลิเวอร์พูลที่คาดว่าจะไปดู ก็น่าจะมีระยะเวลาในการหาเงินประมาณ 8 เดือน สำหรับการทำเงิน 20,000 บาท เป็นเงินแสน ยากพอตัวเลยที่เดี่ยว
รายได้ส่วนนี้จะเป็นค่าเครื่องบิน ค่าบัตรฟุตบอล และค่าอื่นที่จ่ายก่อนไปอังกฤษ
2. Forex ผมได้ใส่เงินไปประมาณ 300 us ตอนนี้ได้กำไรนิดหน่อย ตั้งใจว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปเป็นค่าใช้จ่ายตอนที่อยู่อังกฤษ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทางในอังกฤษ เป็นต้น
3 เว็บนี้ http://dreamtoanfield.blogspot.com/ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีรายได้ยังไงคงทำไปคิดไปแล้วกัน ส่าจะสามารถหารายได้ๆอย่างไรบ้าง
รายได้ทั้งหมดเป็นงานที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะไปเที่ยวดูฟุตบอลที่อังกฤษโดยเฉพาะเลย แต่ผมพอจะมีประสบการณ์งานพวกนี้อยู่บ้างแล้ว เลยแบ่งเงินบ้างส่วนมาลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยขึ้น จะได้ไม่ไปกระทบเงินเก็บกับรายจ่ายที่ต้องจ่ายประจำ จะได้ไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการ แต่ถ้ามีงานใหม่ๆเข้ามาก็จะมาเพิ่มทางนี้ด้วย
ตอนนี้ผมได้งานที่จะใช้หารายได้ในโปรเจคนี้แล้ว คือ
1. เล่น Tfex พอดีเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ผมได้ไปที่โบรกเกอร์ที่ผมใช้เล่นหุ้น แล้วผมจึงได้โอกาสไปเปิดบัญชีที่สำหรับใช้เล่น Tfex ก็เลยมีความคิดว่าจะเอาเงินที่ได้ตรงนี้แหละ เป็นแหล่งรายได้สำหรับการไปดูฟุตบอล โดยที่ผมจะใช้เงินสำหรับ Tfex ประมาณ 20,000 - 30,000 บาท ไม่น่าจะเกินจากนี้ เพราะคงน่าจะหาเงินมาได้แค่นี้ ผมคงจะเล่นแบบค่อยๆเป็นค่อยๆ เสี่ยงน้อยๆ ก่อนยังไม่มีประสบการณ์
ถ้าเอามาคำนวน วันนี้ที่จะไปตาม โปรแกรมเล่นในบ้านของลิเวอร์พูลที่คาดว่าจะไปดู ก็น่าจะมีระยะเวลาในการหาเงินประมาณ 8 เดือน สำหรับการทำเงิน 20,000 บาท เป็นเงินแสน ยากพอตัวเลยที่เดี่ยว
รายได้ส่วนนี้จะเป็นค่าเครื่องบิน ค่าบัตรฟุตบอล และค่าอื่นที่จ่ายก่อนไปอังกฤษ
2. Forex ผมได้ใส่เงินไปประมาณ 300 us ตอนนี้ได้กำไรนิดหน่อย ตั้งใจว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปเป็นค่าใช้จ่ายตอนที่อยู่อังกฤษ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทางในอังกฤษ เป็นต้น
3 เว็บนี้ http://dreamtoanfield.blogspot.com/ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีรายได้ยังไงคงทำไปคิดไปแล้วกัน ส่าจะสามารถหารายได้ๆอย่างไรบ้าง
รายได้ทั้งหมดเป็นงานที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะไปเที่ยวดูฟุตบอลที่อังกฤษโดยเฉพาะเลย แต่ผมพอจะมีประสบการณ์งานพวกนี้อยู่บ้างแล้ว เลยแบ่งเงินบ้างส่วนมาลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยขึ้น จะได้ไม่ไปกระทบเงินเก็บกับรายจ่ายที่ต้องจ่ายประจำ จะได้ไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการ แต่ถ้ามีงานใหม่ๆเข้ามาก็จะมาเพิ่มทางนี้ด้วย
วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559
ผมได้ไปทำพาสปอร์ตมาแล้ว
หลังจากได้เคยเขียนไว้ตั้งแต่ที่แรกแล้ว
ว่าผมยังไม่มีพาสปอร์ตเลย ผมก็เลยต้องไปทำชะก่อน
เพราะถ้าไม่มีก็ไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้
ผมก็เลยอยากจะเอาประสบการณ์การไปทำ passport ที่ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ให้ทุกคนได้อ่านดูเพื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่ยังไม่มีพาสปอร์ต และกำลังอยากที่จะไปทำ
การเดินทางไปกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่ถนนแจ้งวัฒนะ
ผมขอเริ่มต้นจากบ้านผมเลยที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ผมนั่งรถไฟฟรีเที่ยว 7 โมงเช้า ไปลงที่สถานีหัวหมาก เวลาประมาณ 8 โมงเช้า แล้วผมก็นั่งรอรถเมล์เพื่อที่จะหาคันที่ไปลงตลาดบางกะปิแต่ก็ไม่มาสักที่ ก็เลยตัดใจนั้งรถเมล์สาย 207 (ราม1-ราม2) ราคา 9 บาท ไปลงที่แยกลำสาลี แล้วก็เดินต่อไปเพื่อไปรอรถเมล์ที่ตลาดบากกะปิ ถึงประมาณ 8 โมงครึ่ง รอสักพักรถเมล์ สาย 150 (ปากเกร็ด-บางกะปิ) สายที่จะไปลงกรมการกงสุล ก็มา ราคาค่าโดย 18 บาท เป็นรถแอร์ นั่งสบายคนน้อยมากเลย แต่กว่าจะไปถึงก็นานมากๆ เลย รถติดมากเลย ถึงกรมการกงสุล ก็ 10 โมงกว่า ป้ายรถเมล์อยู่หน้ากรมการกงสุลเลย สบายไม่ต้องเดินไกล
ขั้นตอนการทำพาสปอร์ต
พอถึงผมก็เดินเข้าไปเลย เจ้าหน้าที่จะเอาเครื่องมาสแกนกระเป๋า แล้วถามว่ามาทำอะไร เราก็บอกไปว่า มาทำ passport แล้วเขาก็บอกว่า ขึ้นไปชั้น 2 ตรงซ้ายมือ พอขึ้นมาชั้น 2 แล้ว ก็หยิบเอาบัตรประชาชนออกมาเพื่อไปรับบัตรคิว เขาก็จะบอกวันที่ได้รับ passport วันที่ผมไปทำเป็นวันพฤหัสบดี ก็จะมารับได้วันจันทร์ วันนี้คนมาทำพาสปอร์ตน้อยเลยไม่ต้องต่อคิวอะไรมาก พอได้บัตรคิวแล้วก็เดินไปตามทาง เจ้าหน้าทีก็จะพาไปวัดส่วนสูง (ถอดรองเท้าด้วยนะ) เสร็จแล้วเราก็ไปตามช่องในบัตรคิว ของผมได้ช่อง 22 ผมก็ไปพบพนักงานในช่องนั้น แล้วเขาจะเอาเอกสารมาให้เรากรอก แล้วเขาจะถามว่าจะมารับ passport เองหรือจะรับทางไปรษณีย์ ผมเลือกรับทางไปรษณีย์เพราะคงเดินทางมารับเองคงไม่ไหวไกล พอกรอกข้อมูลเสร็จ แล้วเจ้าหน้าจะให้สแกนลายนิ้วมือเพื่อเก็บข้อมูลลายนิ้วมือของเราทุกนิ้วเลย ทั้งซ้ายและขวา พอเสร็จแล้วก็ถ่ายรูป ของผมมีปัญหานิดหน่อย คือ ผมเป็นผู้ชายที่ไว้ผมยาว แถมไม่ได้เอายางรัดผมไปด้วย พนักงานเลยต้องไปหายางมารัดผมให้ (สงสัยผู้ชายจะให้รัดผมนะ) ถ่ายรูปเสร็จแล้วเขาก็จะให้เอกสารมากเพื่อไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมพาสปอร์ต และค่าไปรษณีย์ ซึ่งจะอยู่ด้านในสุดเลย เราก็ไปช่องจ่ายค่าธรรมเนียมพาสปอร์ตก่อน จำนวน 1000 บาท แล้วก็ไปจ่ายค่าไปรษณีย์ช่องข้างๆกันจำนวน 40 บาท เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำพาสปอร์ต ใช้เวลาในการทำไม่กี่นาทีเองไม่น่าจะเกิน 20 นาที เพราะผมออกมาจากกรมการกงสุล ยังไม่ 11 โมงเลย ก่อนกลับบ้านผมก็แวะฉี่ชะหน่อยจะได้ไม่ไปปวดฉี่กลางทาง
การเดินทางกลับฉะเชิงเทรา
เดินออกมาจากกรมการกงสุล ก็ข้ามสะพานลอยไปรอขึ้นรถเมล์กลับ ป้ายรถเมล์จะอยู่ใกล้กับสะพานลอยเลย แล้วก็นั่งรอรถเมล์ สายเดี่ยวกับที่เรามานะแหละ แต่มีปัญหาอยู่อย่างนึงคือ นั่งรอรถเมล์นานมากกว่าจะมาได้ แต่ก็มา สาย 150 รถแอร์ ราคาค่าโดย 18 บาท เหมือนขามา โชคดีที่รถไม่ติดมากเลยเดินทางได้เร็วกว่าขาไป ผมไปลงสุดท้ายเลยที่เดอะมอลล์บางกะปิ ถึงเดอะมอลล์บางกะปิประมาณ 12: 10 นาฬิกา ตอนแรกกะว่าจะรอรถเมล์สาย 145 ไปลงหัวหมาก แต่ผมกลัวจะต้องรอรถนาน กลัวจะไม่ทันรถไฟเที่ยว 12:44 นาฬิกา ก็เลยตัดสินใจ เดินไปขึ้นรถที่แยกลำสาลีดีกว่า เพราะมีรถเมล์ที่ผ่านสถานีรถไฟหัวหมากมากว่า จะได้ทันรถไฟ แต่ก็ต้องมาเสียใจเพราะระหว่างทางที่ผมกำลังเดินไปขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ตรง แยกลำสาลี รถเมล์สาย 145 ดันมา เซ็งเลยจะขึ้นก็ขึ้นไม่ได้อยู่คนละฝั่งถนนคิดในใจกูไม่น่าเหนื่อยเดินมาเลย แต่ก็ต้องรีบเดินต่อไป แต่ก็โชคดีบ้างพอไปถึงป้ายรถเมล์ รถเมล์สาย 207 ก็มาถึงพอดี ผมก็ไปลงรถเมล์ตรงสถานีหัวหมาก โชคดียังทันรถไฟ นั่งพักได้ 5 นาที รถไฟก็มา ขึ้นรถไฟกลับบ้าน เป็นอันเสร็จ
หลังจาก นั้นประมาณ 7 วันผมก็ได้รับพาสปอร์ตทางทางไปรษณีย์ จะเป็นซองสีเหลืองๆ ข้างในจะมีแค่เล่มพาสปอร์ต เท่านั้น ผมไปทำ passport วันพฤหัสบดี ที่ 26 สิงหาคม ได้ พาสปอร์ต วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์
ผมก็เลยอยากจะเอาประสบการณ์การไปทำ passport ที่ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ให้ทุกคนได้อ่านดูเพื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่ยังไม่มีพาสปอร์ต และกำลังอยากที่จะไปทำ
การเดินทางไปกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่ถนนแจ้งวัฒนะ
ผมขอเริ่มต้นจากบ้านผมเลยที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ผมนั่งรถไฟฟรีเที่ยว 7 โมงเช้า ไปลงที่สถานีหัวหมาก เวลาประมาณ 8 โมงเช้า แล้วผมก็นั่งรอรถเมล์เพื่อที่จะหาคันที่ไปลงตลาดบางกะปิแต่ก็ไม่มาสักที่ ก็เลยตัดใจนั้งรถเมล์สาย 207 (ราม1-ราม2) ราคา 9 บาท ไปลงที่แยกลำสาลี แล้วก็เดินต่อไปเพื่อไปรอรถเมล์ที่ตลาดบากกะปิ ถึงประมาณ 8 โมงครึ่ง รอสักพักรถเมล์ สาย 150 (ปากเกร็ด-บางกะปิ) สายที่จะไปลงกรมการกงสุล ก็มา ราคาค่าโดย 18 บาท เป็นรถแอร์ นั่งสบายคนน้อยมากเลย แต่กว่าจะไปถึงก็นานมากๆ เลย รถติดมากเลย ถึงกรมการกงสุล ก็ 10 โมงกว่า ป้ายรถเมล์อยู่หน้ากรมการกงสุลเลย สบายไม่ต้องเดินไกล
ขั้นตอนการทำพาสปอร์ต
พอถึงผมก็เดินเข้าไปเลย เจ้าหน้าที่จะเอาเครื่องมาสแกนกระเป๋า แล้วถามว่ามาทำอะไร เราก็บอกไปว่า มาทำ passport แล้วเขาก็บอกว่า ขึ้นไปชั้น 2 ตรงซ้ายมือ พอขึ้นมาชั้น 2 แล้ว ก็หยิบเอาบัตรประชาชนออกมาเพื่อไปรับบัตรคิว เขาก็จะบอกวันที่ได้รับ passport วันที่ผมไปทำเป็นวันพฤหัสบดี ก็จะมารับได้วันจันทร์ วันนี้คนมาทำพาสปอร์ตน้อยเลยไม่ต้องต่อคิวอะไรมาก พอได้บัตรคิวแล้วก็เดินไปตามทาง เจ้าหน้าทีก็จะพาไปวัดส่วนสูง (ถอดรองเท้าด้วยนะ) เสร็จแล้วเราก็ไปตามช่องในบัตรคิว ของผมได้ช่อง 22 ผมก็ไปพบพนักงานในช่องนั้น แล้วเขาจะเอาเอกสารมาให้เรากรอก แล้วเขาจะถามว่าจะมารับ passport เองหรือจะรับทางไปรษณีย์ ผมเลือกรับทางไปรษณีย์เพราะคงเดินทางมารับเองคงไม่ไหวไกล พอกรอกข้อมูลเสร็จ แล้วเจ้าหน้าจะให้สแกนลายนิ้วมือเพื่อเก็บข้อมูลลายนิ้วมือของเราทุกนิ้วเลย ทั้งซ้ายและขวา พอเสร็จแล้วก็ถ่ายรูป ของผมมีปัญหานิดหน่อย คือ ผมเป็นผู้ชายที่ไว้ผมยาว แถมไม่ได้เอายางรัดผมไปด้วย พนักงานเลยต้องไปหายางมารัดผมให้ (สงสัยผู้ชายจะให้รัดผมนะ) ถ่ายรูปเสร็จแล้วเขาก็จะให้เอกสารมากเพื่อไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมพาสปอร์ต และค่าไปรษณีย์ ซึ่งจะอยู่ด้านในสุดเลย เราก็ไปช่องจ่ายค่าธรรมเนียมพาสปอร์ตก่อน จำนวน 1000 บาท แล้วก็ไปจ่ายค่าไปรษณีย์ช่องข้างๆกันจำนวน 40 บาท เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำพาสปอร์ต ใช้เวลาในการทำไม่กี่นาทีเองไม่น่าจะเกิน 20 นาที เพราะผมออกมาจากกรมการกงสุล ยังไม่ 11 โมงเลย ก่อนกลับบ้านผมก็แวะฉี่ชะหน่อยจะได้ไม่ไปปวดฉี่กลางทาง
การเดินทางกลับฉะเชิงเทรา
เดินออกมาจากกรมการกงสุล ก็ข้ามสะพานลอยไปรอขึ้นรถเมล์กลับ ป้ายรถเมล์จะอยู่ใกล้กับสะพานลอยเลย แล้วก็นั่งรอรถเมล์ สายเดี่ยวกับที่เรามานะแหละ แต่มีปัญหาอยู่อย่างนึงคือ นั่งรอรถเมล์นานมากกว่าจะมาได้ แต่ก็มา สาย 150 รถแอร์ ราคาค่าโดย 18 บาท เหมือนขามา โชคดีที่รถไม่ติดมากเลยเดินทางได้เร็วกว่าขาไป ผมไปลงสุดท้ายเลยที่เดอะมอลล์บางกะปิ ถึงเดอะมอลล์บางกะปิประมาณ 12: 10 นาฬิกา ตอนแรกกะว่าจะรอรถเมล์สาย 145 ไปลงหัวหมาก แต่ผมกลัวจะต้องรอรถนาน กลัวจะไม่ทันรถไฟเที่ยว 12:44 นาฬิกา ก็เลยตัดสินใจ เดินไปขึ้นรถที่แยกลำสาลีดีกว่า เพราะมีรถเมล์ที่ผ่านสถานีรถไฟหัวหมากมากว่า จะได้ทันรถไฟ แต่ก็ต้องมาเสียใจเพราะระหว่างทางที่ผมกำลังเดินไปขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ตรง แยกลำสาลี รถเมล์สาย 145 ดันมา เซ็งเลยจะขึ้นก็ขึ้นไม่ได้อยู่คนละฝั่งถนนคิดในใจกูไม่น่าเหนื่อยเดินมาเลย แต่ก็ต้องรีบเดินต่อไป แต่ก็โชคดีบ้างพอไปถึงป้ายรถเมล์ รถเมล์สาย 207 ก็มาถึงพอดี ผมก็ไปลงรถเมล์ตรงสถานีหัวหมาก โชคดียังทันรถไฟ นั่งพักได้ 5 นาที รถไฟก็มา ขึ้นรถไฟกลับบ้าน เป็นอันเสร็จ
หลังจาก นั้นประมาณ 7 วันผมก็ได้รับพาสปอร์ตทางทางไปรษณีย์ จะเป็นซองสีเหลืองๆ ข้างในจะมีแค่เล่มพาสปอร์ต เท่านั้น ผมไปทำ passport วันพฤหัสบดี ที่ 26 สิงหาคม ได้ พาสปอร์ต วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์
วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559
ค่าใช้จ่ายคร่าวๆในการไปดูลิเวอร์แข่งที่แอนฟิลด์
หลังจากที่ลองหาดูว่าค่าใช้จ่ายในการชื้อทัวร์ไปดูลิเวอร์พูลแข่งพบว่าราคาค่อนข้างสูง
ที่นี้ผมก็เลยลองมาคำนวณค่าใช้จ่ายดูว่า ถ้าเราจะเดินทางไปดูบอลคนเดียวนั้นจะมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไร
จากการวางแผนไว้ผมตั้งใจจะไปประมาณ 15 วัน เพื่อจะได้ให้เจอ แมทลิเวอร์พูลแข่งในบ้าน 2 ครั้ง คือ 2 เสาร์ เผื่อมีสาเหตุให้พลาดไปเสาร์นึงก็ยังมีอีกเสาร์นึงรออยู่ จะได้ไม่เสียเที่ยว
ค่าใช้จ่ายคราวๆ ยังไม่ได้ลงรายละเอียด
ค่าวิช่า Standard Visitor Short-term (up to 6 months, single or multiple entry) 117 US ( อ่านต่อ ) ประมาณ 4300 บาท +อื่นๆ = 6,500
ตั่วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ - ลอนดอน ประมาณ 20000 บาท +อื่นๆ = 25,000 บาท ข้อมูลจาก skyscanner.com
ที่พัก london กับ liverpool คืนละ 1000 บาท 15 คืน 15000 บาท +อื่นๆ = 20,000 บาท ข้อมูลจาก booking.com
ค่าตั๋วฟุตบอลลิเวอร์พูล ประมาณ 7,000 บาท ข้อมูลจาก ticketbis.com
ค่าอาหาร วันละ 1000 บาท 15 วัน 15,000 +อื่นๆ = 20,000 บาท จากการประมาณของตัวเอง
ค่าเดินทาง และค่าเข้าชมที่เที่ยวอื่น 15,000 บาท จากการประมาณของตัวเอง
ค่าประกันการเดินทาง 15 วัน 1,800 บาท
และค่าอื่นๆอีก 20,000 บาท
รวมแล้วประมาณ 115,300 บาท
ดูราคาแล้วแพงมากแต่ผมก็เผื่อไว้เยอะมาก ถ้าเดินทางจริงๆ คงน่าจะใช้เงินน้อยกว่านี้มาก
แต่ก็อาจจะใช้เงินเท่าทีคำนวนก็ได้เพราะว่าผมอาจจะเพิ่มโปรแกรมไปดูฟุตบอลของทีมอื่นแตะด้วย จะได้สัมผัสบรรยากาศทีมอื่นบ้าง
จากการวางแผนไว้ผมตั้งใจจะไปประมาณ 15 วัน เพื่อจะได้ให้เจอ แมทลิเวอร์พูลแข่งในบ้าน 2 ครั้ง คือ 2 เสาร์ เผื่อมีสาเหตุให้พลาดไปเสาร์นึงก็ยังมีอีกเสาร์นึงรออยู่ จะได้ไม่เสียเที่ยว
ค่าใช้จ่ายคราวๆ ยังไม่ได้ลงรายละเอียด
ค่าวิช่า Standard Visitor Short-term (up to 6 months, single or multiple entry) 117 US ( อ่านต่อ ) ประมาณ 4300 บาท +อื่นๆ = 6,500
ตั่วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ - ลอนดอน ประมาณ 20000 บาท +อื่นๆ = 25,000 บาท ข้อมูลจาก skyscanner.com
ที่พัก london กับ liverpool คืนละ 1000 บาท 15 คืน 15000 บาท +อื่นๆ = 20,000 บาท ข้อมูลจาก booking.com
ค่าตั๋วฟุตบอลลิเวอร์พูล ประมาณ 7,000 บาท ข้อมูลจาก ticketbis.com
ค่าอาหาร วันละ 1000 บาท 15 วัน 15,000 +อื่นๆ = 20,000 บาท จากการประมาณของตัวเอง
ค่าเดินทาง และค่าเข้าชมที่เที่ยวอื่น 15,000 บาท จากการประมาณของตัวเอง
ค่าประกันการเดินทาง 15 วัน 1,800 บาท
และค่าอื่นๆอีก 20,000 บาท
รวมแล้วประมาณ 115,300 บาท
ดูราคาแล้วแพงมากแต่ผมก็เผื่อไว้เยอะมาก ถ้าเดินทางจริงๆ คงน่าจะใช้เงินน้อยกว่านี้มาก
แต่ก็อาจจะใช้เงินเท่าทีคำนวนก็ได้เพราะว่าผมอาจจะเพิ่มโปรแกรมไปดูฟุตบอลของทีมอื่นแตะด้วย จะได้สัมผัสบรรยากาศทีมอื่นบ้าง
วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559
โปรแกรมเล่นในบ้านของลิเวอร์พูลที่คาดว่าจะไปดู
ลองเอาโปรแกรมการแข่งขันของลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2016/2017
มาดูว่าเกมส์ในบ้านเกมส์ในบ้างที่เรามีโอกาศที่จะได้ไปดูมากที่สุด
และจะต้องเป็นเกมส์ที่เล่นในบ้าน 2 เกมส์ติด จะได้คุ้มค่ากับการเดินทางไกลมากๆ เพื่อไปดูบอลทีมที่ชื่นชอบ
แล้วผมก็เจออยู่ 2 ช่วง ที่เป็นเกมส์เล่นในบ้าน 2 เกมส์ติด และน่าจะเป็นช่วงที่ผมเก็บเงินบวกกับจัดการเรื่องต่างๆได้พร้อมที่จะเดินทางไปได้อย่างเร็วที่สุด เพราะเร็วกว่านี้คงจะยากแน่นอน
1 เจอกับ Arsenal วันเสาร์ ที่ 4 มีนาคม และ Burnley วันอาทิตย์ ที่ 12 มีนาคม 2560
2. เจอกับ Everton วันเสาร์ ที่ 1 เมษายน และ Bournemouth วันพุธ ที่ 5 เมษายน 2560
แต่ดูแล้วช่วงที่ 2 น่าจะเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะเล่นวันเสาร์และวันพุธต่อเลย ทำให้เรามีเวลาไปดูทีมอื่นแข่งได้ด้วย หรือไปท่องเที่ยวสถานที่อื่นๆได้ด้วย
ถ้าผมไม่สามารถทำได้ทันในช่วงที่ผมวางไว้ก็คงจะไม่ทันฤดูกาล 2016/2017 แน่นอน คงต้องไปฤดูกาล 2017/2018 แต่ถ้าไม่ทันอีก ผมก็คงเป็นพวกไม่มีความสารถแน่นอน
ที่มา http://www.liverpoolfc.com/match/2016-17/first-team/fixtures-and-results
แล้วผมก็เจออยู่ 2 ช่วง ที่เป็นเกมส์เล่นในบ้าน 2 เกมส์ติด และน่าจะเป็นช่วงที่ผมเก็บเงินบวกกับจัดการเรื่องต่างๆได้พร้อมที่จะเดินทางไปได้อย่างเร็วที่สุด เพราะเร็วกว่านี้คงจะยากแน่นอน
1 เจอกับ Arsenal วันเสาร์ ที่ 4 มีนาคม และ Burnley วันอาทิตย์ ที่ 12 มีนาคม 2560
2. เจอกับ Everton วันเสาร์ ที่ 1 เมษายน และ Bournemouth วันพุธ ที่ 5 เมษายน 2560
แต่ดูแล้วช่วงที่ 2 น่าจะเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะเล่นวันเสาร์และวันพุธต่อเลย ทำให้เรามีเวลาไปดูทีมอื่นแข่งได้ด้วย หรือไปท่องเที่ยวสถานที่อื่นๆได้ด้วย
ถ้าผมไม่สามารถทำได้ทันในช่วงที่ผมวางไว้ก็คงจะไม่ทันฤดูกาล 2016/2017 แน่นอน คงต้องไปฤดูกาล 2017/2018 แต่ถ้าไม่ทันอีก ผมก็คงเป็นพวกไม่มีความสารถแน่นอน
วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559
หาทัวร์ไปดูบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
วันนี้ผมลองหาข้อมูลเรื่องทัวร์ที่จะไปดูฟุตบอลอังกฤษ ว่ามันจะมีราคาอยู่ที่ประมาณกี่บาท
จะได้เอามาวางแผนเรื่องงบประมาณที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวสำหรับการไปดูฟุตบอล
ลองค้นหาข้อมูลดูก็พบว่ามีหลายที่เหมือนกันที่จัดทัวไปดูบอลบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
ทัวร์ดูบอลอังกฤษ พรีเมียร์ลีก 8 วัน 5 คืน (TG) "ศึกแดงเดือด 2016/2017" ทัวร์ดูบอลอังกฤษ พรีเมียร์ลีก (ลิเวอร์พูล - แมนยู) 8 วัน 5 คืน (TG) | 13-20 ต.ค. 59 ราคาเพียง 138,900 บาท อา่นต่อ
ทัวร์ดูบอลอังกฤษ ลิเวอร์พูล พบ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ท 12-18 ต.ค. 59 ราคาเพียง 99,900 บาท
ทัวร์ดูบอลอังกฤษ อาร์เซนอล พบ มิดเดิลสโบรห์ 21-26 ต.ค. 59 ราคาเพียง 89,900 บาท อ่านต่อ
ทัวร์ดูบอลอังกฤษ พรีเมียร์ลีก DOUBLE MATCH (ลิเวอร์พูล - แมนยู & แมนซิตี้ - เอฟเวอร์ตัน) 8 วัน 5 คืน (TG) 13-20 ต.ค. 59 ราคาเพียง 159,900. บาท อ่านต่อ
ส่วนใหญ่เขาจะจัดทัวร์ไปดูใน Match ใหญ่ ทีมที่คนไทยสนใจกันเยอะๆ เพราะน่าจะมีคนสนใจชื้อทัวร์ไปดูบอลกันเยอะ ส่วนราคาเห็นแล้วต้องนั้งทำใจสักพัก หลักแสนขึ้นทั้งนั้นเลย
แต่เป้าหมายที่ผมวางไว้คือ เดินทางไปเอง ไม่ไปทัวร์ ถ้าไปทัวร์มันจะง่ายเกินไปไม่สมกับที่เป็นความฝัน ต้องเดินทางไปเอง พจนปัญหาเอง ถึงจะสนุก
ลองค้นหาข้อมูลดูก็พบว่ามีหลายที่เหมือนกันที่จัดทัวไปดูบอลบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
ทัวร์ดูบอลอังกฤษ พรีเมียร์ลีก 8 วัน 5 คืน (TG) "ศึกแดงเดือด 2016/2017" ทัวร์ดูบอลอังกฤษ พรีเมียร์ลีก (ลิเวอร์พูล - แมนยู) 8 วัน 5 คืน (TG) | 13-20 ต.ค. 59 ราคาเพียง 138,900 บาท อา่นต่อ
ทัวร์ดูบอลอังกฤษ ลิเวอร์พูล พบ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ท 12-18 ต.ค. 59 ราคาเพียง 99,900 บาท
ทัวร์ดูบอลอังกฤษ อาร์เซนอล พบ มิดเดิลสโบรห์ 21-26 ต.ค. 59 ราคาเพียง 89,900 บาท อ่านต่อ
ทัวร์ดูบอลอังกฤษ พรีเมียร์ลีก DOUBLE MATCH (ลิเวอร์พูล - แมนยู & แมนซิตี้ - เอฟเวอร์ตัน) 8 วัน 5 คืน (TG) 13-20 ต.ค. 59 ราคาเพียง 159,900. บาท อ่านต่อ
ส่วนใหญ่เขาจะจัดทัวร์ไปดูใน Match ใหญ่ ทีมที่คนไทยสนใจกันเยอะๆ เพราะน่าจะมีคนสนใจชื้อทัวร์ไปดูบอลกันเยอะ ส่วนราคาเห็นแล้วต้องนั้งทำใจสักพัก หลักแสนขึ้นทั้งนั้นเลย
แต่เป้าหมายที่ผมวางไว้คือ เดินทางไปเอง ไม่ไปทัวร์ ถ้าไปทัวร์มันจะง่ายเกินไปไม่สมกับที่เป็นความฝัน ต้องเดินทางไปเอง พจนปัญหาเอง ถึงจะสนุก
วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559
เริ่มต้นความฝันสู่สนามแอนฟิลด์
ผมต้องขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อ kakal (ขอใช้นามปากกานะ) อายุ 31 ปี
เป็นคนที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตรใจ โดยมีทีมที่เชียร์ในดวงใจคือ
ทีมลิเวอร์พูล (liverpool) เชียร์มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
ดูก็นานหลายปีมากเลยที่เดี่ยว และก็คงจะเชียร์ตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง
ถึงแม้จะห่างหายจากการได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปนานมาก
แต่ก็ยังพอมีแชมป์บอลถ้วยอยู่บ้าง
จึงทำให้ผมมีความฝันขึ้นมาว่า ผมจะต้องไปดูลิเวอร์แข่งที่สนามแอนฟิลด์สักครั้งนึง แล้วตอนนี้ผมก็อายุ 31 ปีแล้ว จึงอยากจะเริ่มต้นตามหาความฝันอั้นนี้อย่างจริงจังขึ้นมา ถ้าจะรอให้เก็บเงินได้เยอะๆ มีชีวิตที่มั่นคงก่อนแล้วค่อยไป ก็กลัวจะแก่จนไปไหนไม่ค่อยจะไหวแล้ว
ผมจึงได้มีความคิดและเริ่มต้นทำ blog นี้ขึ้นมา เพื่อที่จะเก็บรวยรวมข้อมูลและเรื่องราวต่างๆในการเดินทางตามหาความฝันนี้ และเพื่อที่จะได้บังคับตัวเองให้ลงมือทำแบบจริงจัง ถ้ายังอยู่แต่ในสมอง ในความฝัน ก็คงไม่ได้ทำแน่นอน คงจะเป็นแค่ความฝันต่อไป
ต้องขอบอกก่อนนะครับว่าผมมีประสบการณ์การท่องเที่ยวน้อยมากๆ ไม่ค่อยได้ไปไหน ส่วนมากจะอยู่กับบ้าน ผมยังไม่เคยขึ้นเครื่องบินเลยสักครั้ง ขนาดสนามบินยังไม่เคยไปเลย ต่างประเทศก็ไม่เคยไป ยังไม่เคยไปพักโรงแรมเลยสักครั้ง ถ้าไปพักที่อื่นก็พักที่บ้านคนอื่นไม่ใช่โรงแรม ยังไม่เคยคุยกับฝรั่งเลย ภาษาอังกฤษก็อ่อนมาก เงินเก็บก็ไม่มีมีแค่พอใช้ธรรมดา งานก็เป็นงานอิสระไม่ได้ทำงานประจำจะขอวีช่าผ่านไหมนะ ขนาด passport ยังไม่มีเลย สรุปคือ ไม่มีอะไรเลย แต่ผมจะทำให้ได้
เป้าหมายที่ผมตั้งไว้ก็คือ จะไปดูลิเวอร์พูลแข่งที่สนามแอนฟินด์ ให้ได้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560
ฉันจะไปแอนฟิลด์ http://dreamtoanfield.blogspot.com/
จึงทำให้ผมมีความฝันขึ้นมาว่า ผมจะต้องไปดูลิเวอร์แข่งที่สนามแอนฟิลด์สักครั้งนึง แล้วตอนนี้ผมก็อายุ 31 ปีแล้ว จึงอยากจะเริ่มต้นตามหาความฝันอั้นนี้อย่างจริงจังขึ้นมา ถ้าจะรอให้เก็บเงินได้เยอะๆ มีชีวิตที่มั่นคงก่อนแล้วค่อยไป ก็กลัวจะแก่จนไปไหนไม่ค่อยจะไหวแล้ว
ผมจึงได้มีความคิดและเริ่มต้นทำ blog นี้ขึ้นมา เพื่อที่จะเก็บรวยรวมข้อมูลและเรื่องราวต่างๆในการเดินทางตามหาความฝันนี้ และเพื่อที่จะได้บังคับตัวเองให้ลงมือทำแบบจริงจัง ถ้ายังอยู่แต่ในสมอง ในความฝัน ก็คงไม่ได้ทำแน่นอน คงจะเป็นแค่ความฝันต่อไป
ต้องขอบอกก่อนนะครับว่าผมมีประสบการณ์การท่องเที่ยวน้อยมากๆ ไม่ค่อยได้ไปไหน ส่วนมากจะอยู่กับบ้าน ผมยังไม่เคยขึ้นเครื่องบินเลยสักครั้ง ขนาดสนามบินยังไม่เคยไปเลย ต่างประเทศก็ไม่เคยไป ยังไม่เคยไปพักโรงแรมเลยสักครั้ง ถ้าไปพักที่อื่นก็พักที่บ้านคนอื่นไม่ใช่โรงแรม ยังไม่เคยคุยกับฝรั่งเลย ภาษาอังกฤษก็อ่อนมาก เงินเก็บก็ไม่มีมีแค่พอใช้ธรรมดา งานก็เป็นงานอิสระไม่ได้ทำงานประจำจะขอวีช่าผ่านไหมนะ ขนาด passport ยังไม่มีเลย สรุปคือ ไม่มีอะไรเลย แต่ผมจะทำให้ได้
เป้าหมายที่ผมตั้งไว้ก็คือ จะไปดูลิเวอร์พูลแข่งที่สนามแอนฟินด์ ให้ได้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560
ฉันจะไปแอนฟิลด์ http://dreamtoanfield.blogspot.com/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)