วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

สร้างประวัติการเดินทางเพื่อให้ง่ายต่อการขอวีช่า

การขอวีช่าไปอังกฤษสำหรับผมถือว่าค่อนข้างยากมาก ผมไม่เคยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมาก่อนเลย จะเดินตรงๆไปขอวีช่าคงจะไม่ผ่านแน่ๆเลย แล้วผมก็ลองค้นหาข้อมูลจากคนที่เคยของวีช่าไปอังกฤษแล้วเขาก็บอกว่าถ้ามี ประวัติการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆจะทำให้ขอวีช่าได้ง่ายขึ้น

ผมก็เลยคิดว่าผมจะต้องสร้างประวัติการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศใกล้ๆบ้านเราก่อน ไปประเทศที่ไม่ต้องขอวีช่าเข้าประเทศ สามารถเดินทางเขาไปเที่ยวได้เลย ประเทศที่ผมวางแผนไว้สำหรับการสร้างประวัติการเดินมีประมาณ 3 ประเทศ คือ สิงคโปร์ ฮ่องกง และ ญี่ปุ่น น่าจะเพียงพอสำหรับการสร้างประวัติการเดินทาง สาเหตุที่ผมเลือกเอา 3 ประเทศนี้ มันมีเหตุผลนะ

สิงคโปร์ อยู่ใกล้บ้านเราไม่ต้องขอวีช่า  ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับก็ไม่แพง เป็นประเทศที่ปลอดภัยมาก มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวเยอะ แล้วยังใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เป็นการฝึกภาษาได้ดีที่เดี่ยว และค่าใช้จ่ายน่าจะน้อยที่สุด

ฮองกง เป็นประเทศที่ผมอยากจะเดินทางไปเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ ประเทศไม่ใหญ่มาก การเดินทางสะดวก มีคนไทยไปเที่ยวเยอะและน่าจะใช้เงินไม่มากเท่าไร น่าจะพอหาได้

ญี่ปุ่น น่าจะเป็นประเทศที่ใช้งบประมาณในการท่องเที่ยวมากกว่า สิงคโปร์ กับ ฮองกง แต่ก็ควรจะไปเที่ยวดู มีคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นจำนวนมาก มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามจำนวนมาก ผมอยากจะไปลองสัมผัส หิมะ อยากจะเล่นสกี และอยากจะไปดูฟุตบอลเจลีกแข่งด้วย

ทั้ง 3 ประเทศนี้คงน่าจะเพียงพอกับการสร้างประวัติการเดินทาง แต่อาจจะมีเพิ่มอีกประเทศคือ ประเทศพม่า อยู่อยากจะไปไหว้เจดีย์ชเวดากอง สักครั้งนึง แต่ 3 ประเทศแรกคงจะไปแน่นอนตั้งงบการท่องเที่ยวครั้งนี้ไว้ประมาณ 50,000 บาท คงน่าจะเพียงพอ เที่ยวแบบประหยัดเอาแล้วกัน

แล้วอีกอย่างที่นอกเหนือจากการสร้างประวัติการเดินทางแล้ว ผมน่าจะได้ประสบการณ์การเดินทางและการใช้ชีวิตในต่างประเทศ น่าจะเป็นประโยชน์มากสำหรับผมในการที่ต้องเดินทางไปอังกฤษ ประเทศที่ไกลจากเรามาก

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559

แผนการหารายได้สำหรับไปดูลิเวอร์แข่งที่แอนฟิลด์

วันนี้ผมอยากจะมาวางแผนการหาเงินที่จะนำมาใช้ในการไปดูบอลพรีเมียร์ลีก นัดที่ลิเวอร์แข่งในบ้านนั้นต้องใช้เงินค่อนข้าง(สำหรับผมนะ คนอื่นอาจจะน้อย) เลยต้องมาวางแผมกันชักหน่อยว่าเราจะนำเงินจากที่ไหน แล้วจะเก็บออมอย่างไร

ตอนนี้ผมได้งานที่จะใช้หารายได้ในโปรเจคนี้แล้ว คือ

1. เล่น Tfex พอดีเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ผมได้ไปที่โบรกเกอร์ที่ผมใช้เล่นหุ้น แล้วผมจึงได้โอกาสไปเปิดบัญชีที่สำหรับใช้เล่น Tfex ก็เลยมีความคิดว่าจะเอาเงินที่ได้ตรงนี้แหละ เป็นแหล่งรายได้สำหรับการไปดูฟุตบอล โดยที่ผมจะใช้เงินสำหรับ Tfex ประมาณ 20,000 - 30,000 บาท ไม่น่าจะเกินจากนี้ เพราะคงน่าจะหาเงินมาได้แค่นี้ ผมคงจะเล่นแบบค่อยๆเป็นค่อยๆ เสี่ยงน้อยๆ ก่อนยังไม่มีประสบการณ์

ถ้าเอามาคำนวน วันนี้ที่จะไปตาม โปรแกรมเล่นในบ้านของลิเวอร์พูลที่คาดว่าจะไปดู ก็น่าจะมีระยะเวลาในการหาเงินประมาณ 8 เดือน สำหรับการทำเงิน 20,000 บาท เป็นเงินแสน ยากพอตัวเลยที่เดี่ยว
รายได้ส่วนนี้จะเป็นค่าเครื่องบิน ค่าบัตรฟุตบอล และค่าอื่นที่จ่ายก่อนไปอังกฤษ

 2. Forex ผมได้ใส่เงินไปประมาณ 300 us ตอนนี้ได้กำไรนิดหน่อย ตั้งใจว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปเป็นค่าใช้จ่ายตอนที่อยู่อังกฤษ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทางในอังกฤษ เป็นต้น

3 เว็บนี้ http://dreamtoanfield.blogspot.com/ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีรายได้ยังไงคงทำไปคิดไปแล้วกัน ส่าจะสามารถหารายได้ๆอย่างไรบ้าง

รายได้ทั้งหมดเป็นงานที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะไปเที่ยวดูฟุตบอลที่อังกฤษโดยเฉพาะเลย แต่ผมพอจะมีประสบการณ์งานพวกนี้อยู่บ้างแล้ว เลยแบ่งเงินบ้างส่วนมาลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยขึ้น จะได้ไม่ไปกระทบเงินเก็บกับรายจ่ายที่ต้องจ่ายประจำ จะได้ไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการ แต่ถ้ามีงานใหม่ๆเข้ามาก็จะมาเพิ่มทางนี้ด้วย

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

ผมได้ไปทำพาสปอร์ตมาแล้ว

หลังจากได้เคยเขียนไว้ตั้งแต่ที่แรกแล้ว ว่าผมยังไม่มีพาสปอร์ตเลย ผมก็เลยต้องไปทำชะก่อน เพราะถ้าไม่มีก็ไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้

ผมก็เลยอยากจะเอาประสบการณ์การไปทำ passport ที่ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ให้ทุกคนได้อ่านดูเพื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่ยังไม่มีพาสปอร์ต และกำลังอยากที่จะไปทำ

การเดินทางไปกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่ถนนแจ้งวัฒนะ 

ผมขอเริ่มต้นจากบ้านผมเลยที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ผมนั่งรถไฟฟรีเที่ยว 7 โมงเช้า ไปลงที่สถานีหัวหมาก เวลาประมาณ 8 โมงเช้า แล้วผมก็นั่งรอรถเมล์เพื่อที่จะหาคันที่ไปลงตลาดบางกะปิแต่ก็ไม่มาสักที่  ก็เลยตัดใจนั้งรถเมล์สาย 207 (ราม1-ราม2) ราคา 9 บาท ไปลงที่แยกลำสาลี แล้วก็เดินต่อไปเพื่อไปรอรถเมล์ที่ตลาดบากกะปิ ถึงประมาณ 8 โมงครึ่ง รอสักพักรถเมล์ สาย 150 (ปากเกร็ด-บางกะปิ) สายที่จะไปลงกรมการกงสุล ก็มา ราคาค่าโดย 18 บาท เป็นรถแอร์ นั่งสบายคนน้อยมากเลย แต่กว่าจะไปถึงก็นานมากๆ เลย รถติดมากเลย ถึงกรมการกงสุล ก็ 10 โมงกว่า ป้ายรถเมล์อยู่หน้ากรมการกงสุลเลย สบายไม่ต้องเดินไกล


ขั้นตอนการทำพาสปอร์ต

พอถึงผมก็เดินเข้าไปเลย เจ้าหน้าที่จะเอาเครื่องมาสแกนกระเป๋า แล้วถามว่ามาทำอะไร เราก็บอกไปว่า มาทำ passport แล้วเขาก็บอกว่า ขึ้นไปชั้น 2 ตรงซ้ายมือ พอขึ้นมาชั้น 2 แล้ว ก็หยิบเอาบัตรประชาชนออกมาเพื่อไปรับบัตรคิว เขาก็จะบอกวันที่ได้รับ passport  วันที่ผมไปทำเป็นวันพฤหัสบดี ก็จะมารับได้วันจันทร์ วันนี้คนมาทำพาสปอร์ตน้อยเลยไม่ต้องต่อคิวอะไรมาก พอได้บัตรคิวแล้วก็เดินไปตามทาง เจ้าหน้าทีก็จะพาไปวัดส่วนสูง (ถอดรองเท้าด้วยนะ) เสร็จแล้วเราก็ไปตามช่องในบัตรคิว ของผมได้ช่อง 22 ผมก็ไปพบพนักงานในช่องนั้น แล้วเขาจะเอาเอกสารมาให้เรากรอก แล้วเขาจะถามว่าจะมารับ passport เองหรือจะรับทางไปรษณีย์ ผมเลือกรับทางไปรษณีย์เพราะคงเดินทางมารับเองคงไม่ไหวไกล พอกรอกข้อมูลเสร็จ แล้วเจ้าหน้าจะให้สแกนลายนิ้วมือเพื่อเก็บข้อมูลลายนิ้วมือของเราทุกนิ้วเลย ทั้งซ้ายและขวา พอเสร็จแล้วก็ถ่ายรูป ของผมมีปัญหานิดหน่อย คือ ผมเป็นผู้ชายที่ไว้ผมยาว แถมไม่ได้เอายางรัดผมไปด้วย พนักงานเลยต้องไปหายางมารัดผมให้ (สงสัยผู้ชายจะให้รัดผมนะ) ถ่ายรูปเสร็จแล้วเขาก็จะให้เอกสารมากเพื่อไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมพาสปอร์ต และค่าไปรษณีย์ ซึ่งจะอยู่ด้านในสุดเลย เราก็ไปช่องจ่ายค่าธรรมเนียมพาสปอร์ตก่อน จำนวน 1000 บาท แล้วก็ไปจ่ายค่าไปรษณีย์ช่องข้างๆกันจำนวน 40 บาท เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำพาสปอร์ต ใช้เวลาในการทำไม่กี่นาทีเองไม่น่าจะเกิน 20 นาที เพราะผมออกมาจากกรมการกงสุล ยังไม่ 11 โมงเลย  ก่อนกลับบ้านผมก็แวะฉี่ชะหน่อยจะได้ไม่ไปปวดฉี่กลางทาง

การเดินทางกลับฉะเชิงเทรา

เดินออกมาจากกรมการกงสุล ก็ข้ามสะพานลอยไปรอขึ้นรถเมล์กลับ ป้ายรถเมล์จะอยู่ใกล้กับสะพานลอยเลย แล้วก็นั่งรอรถเมล์ สายเดี่ยวกับที่เรามานะแหละ แต่มีปัญหาอยู่อย่างนึงคือ นั่งรอรถเมล์นานมากกว่าจะมาได้ แต่ก็มา สาย 150 รถแอร์ ราคาค่าโดย 18 บาท เหมือนขามา โชคดีที่รถไม่ติดมากเลยเดินทางได้เร็วกว่าขาไป ผมไปลงสุดท้ายเลยที่เดอะมอลล์บางกะปิ ถึงเดอะมอลล์บางกะปิประมาณ 12: 10 นาฬิกา ตอนแรกกะว่าจะรอรถเมล์สาย 145 ไปลงหัวหมาก แต่ผมกลัวจะต้องรอรถนาน กลัวจะไม่ทันรถไฟเที่ยว 12:44 นาฬิกา ก็เลยตัดสินใจ เดินไปขึ้นรถที่แยกลำสาลีดีกว่า เพราะมีรถเมล์ที่ผ่านสถานีรถไฟหัวหมากมากว่า จะได้ทันรถไฟ แต่ก็ต้องมาเสียใจเพราะระหว่างทางที่ผมกำลังเดินไปขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ตรง แยกลำสาลี รถเมล์สาย 145 ดันมา เซ็งเลยจะขึ้นก็ขึ้นไม่ได้อยู่คนละฝั่งถนนคิดในใจกูไม่น่าเหนื่อยเดินมาเลย แต่ก็ต้องรีบเดินต่อไป แต่ก็โชคดีบ้างพอไปถึงป้ายรถเมล์ รถเมล์สาย 207 ก็มาถึงพอดี ผมก็ไปลงรถเมล์ตรงสถานีหัวหมาก โชคดียังทันรถไฟ นั่งพักได้ 5 นาที รถไฟก็มา ขึ้นรถไฟกลับบ้าน เป็นอันเสร็จ

หลังจาก นั้นประมาณ 7 วันผมก็ได้รับพาสปอร์ตทางทางไปรษณีย์ จะเป็นซองสีเหลืองๆ ข้างในจะมีแค่เล่มพาสปอร์ต เท่านั้น ผมไปทำ passport วันพฤหัสบดี ที่ 26 สิงหาคม ได้ พาสปอร์ต วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์