วันนี้มาเขียนเรื่องราวการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น นับเป็นประเทศลำดับที่ 3 ตามแผนที่วางเอาในการจะไปดูลิเวอร์พูล แข่งที่สนาม anfield
เท่านี้ก็ได้ครบตามแผนที่วางไว้แล้ว ผมได้ไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 9 สิงหาคม - 14 สิงหาคม 2560 เป็นเวลา 6 วัน 5 คืน สำหรับการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้จะต่างจาก 2 ประเทศ ก่อนหน้านี้ที่ต้องการหาแค่หาประสบการณ์ แต่ครั้งนี้ผมมีเป้าหมายอยู่ 3อย่างด้วยกันที่ผมอยากจะไปเจอที่ญี่ปุ่น คือ ไปงานการ์ตูน COMIC MARKET,ไปดูสาวญี่ปุ่นเล่นน้ำทะเล และ ไปดูการแข่งขันฟุตบอล jleague
สิ่งที่ผมได้ลองทำใหม่
ผมได้ไปแลกเงิน super rich สีเขียว 2 ประเทศที่ผ่านมาผมแลกเงินที่สนามบิน ถึงแม้ว่าเรทราคาจะแพงกว่าแลกข้างนอก แต่ด้วยที่ผมแลกไม่เยอะมันเลยไม่ค่อย มีส่วนต่างราคากันมากเท่าไร บวกกับความสะดวกสะบาย แต่มาญี่ปุ่นผมจะต้องใช้เงินมากกว่า 2 ฮ่องกับสิงคโปร์ ผมเลยเลือกมาก่อนวันเดิน 1 วัน โดยผมแลกที่ super rich สีเขียว สาขาประตู้น้ำ ข้างๆ bigc ตอนมาถึงแถวๆที่แลกเงินถึงรู้ว่า มีหลายบริษัทที่รับแลกเงินตั้งอยู่บริเวณนี้ ถ้าเทียบราคากับที่สนามบินประหยัดเงินได้มากเลยที่เดี่ยว
ผมได้ลองใช้ sim2fly ตอนไปประเทศฮ่องกงผมใช้ชิมฮ่องกง ไปสิงคโปร์ผมไม่ได้ซื้อชิม ไปญี่ปุ่นไปหลายวันจำเป็นต้องมีเน็ต ผมเลยเลือกใช้ sim2fly จะได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อใหม่เวลาไปประเทศอื่นๆ เพราะ sim2fly ใช้ได้หลายประเทศ ผมซื้อที่สนามบินดอนเมือง สำหรับความเร็วตอนที่ใช้เน็ตเวลาอยู่ประเทศญี่ปุ่นก็ถึอว่าเร็วใช้ได้ดี
ผมได้ไปนอนพักโรงแรมแถวสนามบินดอนเมือง ไปต่างประเทศครั้งนี้ผมได้จองตั๋วเครื่องบินไปกับสายการบิน air asia x เที่ยวออกจากประเทศเวลา 11:15 น. ก็เลยทำให้ผมรู้สึกกลัวว่าจะมาไม่ทันเครื่องออก ผมก็เลยเลือกที่มาหาที่พักใกล้สนามบินดอนเมืองนอนพักก่อนคืนก่อน โดยผมพักที่สลีพ อาวล์ โฮสเทล (Sleep Owl Hostel) อยู่ฝั่งตรงกันขากับสนามบิน ราคาไม่แพง คุณภาพดีด้วย
ผมได้ไปเที่ยวงานที่มีคนเยอะ งานการ์ตูน COMIC MARKET น่าจะเป็นงานที่เกี่ยวกับการ์ตูนที่ให้ที่สุดในโลกเลย แค่เดินเข้างานผมยังต้องต่อแถว
ตั้งไกลกว่าจะได้เข้า แล้วเดินไปไหนมาไหนมีแต่คนเดินเต็มไปหมด งานการ์ตูนมีทุกอย่างที่เกี่ยวกับวงการการ์ตูน มีทั้งเกม มีคนแต่งชุด Coreplay จำนวนมาก ขนาดการ์ตูนที่เป็น 18+ ยังวางขายได้เป็นปกติเหมือนหนังสือการ์ตูนทั่วไป
ผมได้เห็นสาวๆใส่ชุดบีกินีเล่นน้ำทะเล อันนี้เป็นเป้าหมายหลักการมาญี่ปุ่น คืออยากมาดูสาวๆญี่ปุ่นเล่นน้ำทะเล เพราะตอนที่ผมไปเป็นหน้าร้อนคนญี่ปุ่นเขา ก็จะนิยมออกมาเล่นน้ำทะเล โดยผมไปที่ Kamakura Yuigahama Beach
ผมได้มีโอกาสเข้าร้าน sexshop ผมเกิดมายังไม่เคยเข้าร้าน sexshop มาก่อน มีโอกาสมาญี่ปุ่นผมเลยไม่พลาดโอกาสนี้ ผมไปร้าน pop life department แถวย่าน akihabara แล้วผมก็ซื้อถุงยางกลับมาด้วย 2 กล่อง
สถานที่ที่ได้ไปเที่ยว
วันแรกของการเที่ยวผมเลือกที่จะไปเยี่ยมเยียน ภูเขาไฟฟูจิ นั่งรถบัสไปถึงสาย เลยไปแค่ทะเลสาบ Lake Kawaguchiko แล้วก็เดินมาหน่อย มาขึ้น rope way เพื่อไปดูภูเขาไฟฟูจิ
แต่มองไม่เห็นอะไรเลย แล้วก็กลับมาที่ 5 แยก ชิบุยา
วันนี้ผมไปที่ตลาดปลาก่อน แล้วก็ไปที่จุดหมายหลักของการมาญีปุ่นครั้งนี้ คือ งาน comic maket ที่จัดที่ tokyo big sight แถว odaiba
แล้วมาต่อที่ ห้าง Venus Fort ห้าง Venus Fort และ Megaweb Toyota City Showcase ที่นี่เป็นโชว์รูม Toyota
แล้วผมก็เดินห้าง Diver City Tokyo Plaza เพื่อที่จะมาดูกันดัม แล้วกลับมาเดิน ตลาด Ameyoko
วันนี้ไป Kamakura ผมก็ลงไปไหว้พระใหญ่ไดบุทสึก่อน ระหว่างที่เดินกลับก็จะเจอ Hasedera temple แล้วผมก็ไปที่ Hase Zeniarai Benten Shrine
แวะล้างเงินเพิ่มโชค แล้วก็มาจุดหมายหลักอีกอย่างของการมาญีปุ่น คือ Kamakura Yuigahama Beach เจอสาวๆใส่ชุดบีกีนี เยอะมาก
ก็กลับมาที่ akihabara
วันนี้ไปที่ kawagoe เพื่อดูเมืองเก่า แล้วไปต่อที่ Koenji เพื่อหาซื้อของมือสอง
วันนี้สุดท้ายผมไป ศาลเจ้าเมจิ แล้วก้มาเดินถนน Takeshita Street แล้วก็ไปต่อที่ ชิบุยา เพื่อทีจะไปซื้อของฝากเลยมาซื้อขนมที่ ร้านดองกิโฮเต้
ผมไปที่ร้านชื่อ pop life department แถว akihabara แล้วก็มาสนามบิน กลับเมืองไทย
สิ่งที่เป็นปัญหา
ที่พักอยู่ไกลสถานีรถไฟ ผมไปพักโรงแรม hotel new tochigiya ย่าน Asakusa เพราะผมเห็นราคาถูก แล้วอยู่ใกล้สถานี Asakusa ด้วยเลยจอง แต่ที่ไหนได้ สถานี Asakusa มี 2 สถานี ทีอยู่ใกล้ที่พักของผมเป็นรถไฟสาย Tsukuba express มันไม่สามารถใช้บัตร Tokyo Subway ผมต้องไปใช้ สถานี Asakusa อีกสถานีนึงซึ่งอยู่ไกลจากที่พักผมมาก วันที่ไปถึงวันแรกอยากจะหาที่พักใหม่เลยมันเดินไกลมาก แต่พอเดินทุกวันวันเลยชิน เลย ไม่ได้ไปเปลี่ยนที่พัก ถ้าผมไปอีกที่ผมจะไปพักย่าน ชิบุยา เพราะผมรู้สึกว่าเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกกว่า asakusa แต่ที่พักที่ชิบุยาจะราคาแพงกว่าหน่อย
การขึ้นรถไฟผิด ผมต้องการจะไปคามาคุระ มันจะต้องขึ้นรถไฟที่ไป fujisawa แต่ผมดันขึ้นผิดคันดันขึ้นไป Odawara ทำให้ผมต้องเสียตั้งซ
ซื้อตั๋ว จาก Odawara มา fujisawa เพื่อที่จะได้ใช้ตั๋ว Enoshima Kamakura Free Pass พอเสียเวลาไปครึ่งวัน ทำให้ผมมีเวลาไม่พอที่จะไป Enoshima ตามแผนได้
แล้วอีกครั้งผมต้องการจะนั่งรถไฟจาก Koenji กลับมา shinjuku ผมขึ้น JR Chuo Line Local Service(Via Tozai Line)
for TOYO-KATSUTADAI ผมไม่รู้ว่ามันต้องมาเปลี่ยนรถไฟที่สถานี NAKANO แต่ผมดันนั่งเลยจนเลยไปไกล ต้องนั่งรถไฟกลับมาสถานี NAKANO อีกที่ เพื่อเปลี่ยนรถมา shinjuku
เรื่องภาษา คือ ผมก็จะไปซื้อตั๋วรถบัสที่ชิบุยา เพื่อจะไปดูภูเขาไฟฟูจิ ที่ Kawaguchiko แต่กว่าที่ผมจะคุยกับพนักงานขายตั๋วรู้ จนพนักงานขายตั๋ว
เขาใช้วิธีการพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นลงบนโทรศัพท์ แล้วใช้โปรแกรมแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ผมอ่าน ถึงจะสื่อสารกันรู้เรื่อง
การชาร์จแบต ห้องพักที่ผมไปพักที่ญี่ปุ่นมันเป็นแบบ แคปซูล เขาเลยมีรูเสียบปลั๊กไฟแค่รู้เดี่ยว มันทำให้ผมลำบากในการชาร์จ แบตโทรศัพท์ ชาร์จแบตกล้อง และ ชาร์จ power bank มันทำให้ผมต้องค่อยสลับที่ชาร์จ เลยทำให้ผมนอนดึกทุกคืน เพราะถ้านอนเราก็ไปสลับที่ชาร์จไม่ได้ พอเช้ามาไม่มีอะไรชาร์จเต็มสักอย่าง ใช้ได้ครึ่งวันแบตก็แทบจะหมดทำให้ลำบากมา
สิ่งทีผมตั้งใจทำแต่ไม่ได้ทำ
การไปเปลี่ยนเครื่องที่ต่างประเทศ ตามแผนที่วางคือผมจะไม่บินตรง ผมตั้งใจจะเลือกสายการบินที่เราตั้งไปเปลี่ยนเครื่องที่ต่างประเทศ เวลาที่ผมไปอังกฤษ มีโอกาสสูงทีผมจะต้อง ไปเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศอื่นก่อนที่จะไปถึงอังกฤษ โดยสายการบินที่ผมมองไว้ คือ vietnam airline ผมเห็นว่าราคาน่าจะถูกที่สุด แต่ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงวันหยุดยาววันแม่ ทำให้มีคนใช้บริการเยอะ มันจึงไม่มีราคาโปร ราคามันเลยค่อนข้างแพง ตอนที่ผมจองตั๋วมีแค่ของ air asia x ที่เป็นแบบบินตรงเท่านั้นที่เป็นราคาโปร เลยเลือกเดินทางกับ airasia x เพราะงบมีจำกัด
การไปดูบอลที่ต่างประเทศ เป้าหมายมาญี่ปุ่นคือมาดูบอล อยากรู้บรรยากาศฟุตบอลต่างประเทศเป็นไง แล้วเพื่อหาประสบการณ์ เวลาไปดูลิเวอร์พูลแข่งที่สนามแอนฟิลน์ ผมจะได้ทำได้ อุตสาเลือกวันที่มาญี่ปุ่นให้ ฟุตบอลกับงานการ์ตูนตรงกัน โดยเกมที่ผมเลือกไปดูเป็นเกมระหว่าง fc tokyo กับ vissel kobe แต่ผมมีปัญหา เรื่องตั๋วการแข่งขัน โดยผมเขาไปจอง กับ เว็บ stubhub.co.th แต่ค่าส่งตั๋วมาประเทศไทยแพงเท่าราคาตั๋วผมเลยไม่จอง เลยตั้งใจจะจองตอนไปถึงที่ญี่ปุ่นแต่พอไปถึงราคาตั๋วที่ถูกสุดมันหมด แถมเหลือแต่แพงๆ แถมผมก็ไม่เสื้อบอลเลย จะไปซื้อที่ญี่ปุ่นราคามันโครตแพงเลย ก็เลยตัดสินใจไม่ไป ตอนนี้ก็แอบเสียดายทำไมไม่ไป
การไม่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ ก่อนจะมาญี่ปุ่นผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นภูเขาไฟฟูจิหรอก เพราะก่อนที่ผมมาพายุลูกใหญ่มาเพิ่งจะเข้า แต่มาญี่ปุ่นยังไงก็ต้องมาดู ไม่งั้นจะเรียกว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่น แต่ที่คิดไม่ถึงผมจะไม่เห็นรูปร่างหน้าตาอะไรเลย เมฆบังหมด ถ้าผมไม่ขึ้น rope way ผมก็จะไม่รู้เลยว่าภูเขาไฟฟูจิอยู่ตรงไหน
ผมไม่ได้เขียนเรีื่องประสบการณ์ในการตะลุยหน้าร้อนประเทศญี่ปุ่นคนเดี่ยว แบบละเอียด ผมเขียนแค่มุมมองในพัฒนาความสามารถตัวเองให้พร้อมที่จะไปดูลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ส่วนท่านได้ที่ต้องการอ่านแบบละเอียดสามารถอ่านได้ที่
บล็อกนี้ผมทำขึ้นมาเพื่อรวบรวมข้อมูลและบันทึกการเดินทางตามหาความฝันในการที่จะไปดูลิเวอร์พูลแข่งที่สนามแอนฟิลด์ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560
วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
ภาคตะลุยสิงคโปร์ด้วยงบจำกัดคนเดี่ยว 2 วัน 1 คืน ฉบับไม่มีเน็ต
สำหรับทริปไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ เป็นทริปที่ 2 ของผมในการตามล่าความฝันไปดูลิเวอร์พูลแข่งที่สนามแอนฟิลด์
หลังจากที่ทริปแรกผมได้มีโอกาสไปตะลุยประเทศฮ่องกงแบบฉบับคนไม่มีเคยไปต่างประเทศมาก่อน แถมไปคนเดี่ยวด้วยมาแล้ว ทริปสิงคโปร์นี้ผมก็เดินทางคนเดี่ยวอีกแล้ว โดยครั้งนี้จะเน้นการหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทียังไม่ได้ลองทำตอนไปประเทศฮ่องกง และก็จะเน้นเที่ยวแบบประหยัด แต่ไม่อดยาก กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ แต่คงไม่ได้เข้าไปเที่ยวเล่นในที่ๆเก็บเงิน จะไปแต่ที่ๆเขาให้เขาฟรีในประเทศสิงคโปร์
สิ่งที่ผมได้ลองทำใหม่
ผมไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรรณภูมิ หลังจากที่ทริปแรกผมไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ครั้งนี้เลยอยากจะลองขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิดูบ้าง แล้วอีกอย่างถ้าผมจะไปแอนฟิลด์ ผมก็ต้องมาขึ้นเครื่องที่สนามบินนี้อะแหละ ผมมาโดยรถไฟแล้วก็มาลงที่สถานีลาดกะบัง แล้วก็ขึ้นรถไฟ airport rail link ไปที่สนามบิน มันจะสะดวกกว่าการเดินทางไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง แต่ของเสีย จำนวนสายการบิน low cost มีจำน้อยที่มาบินสนามบินสุวรรรณภูมิ ส่วนใหญ่จะเป็นสายการบิน full service ทำให้ราคาตั๋วจะแพงกว่า มันก็เลยมีทั้งข้อดีและข้อเสีย คือ ประหยัดเวลาและสะดวกในการเดินทางไปสนามบินมากกว่าดอนเมือง แต่ต้องแลกกับราคา ตั๋วเครื่องบินที่แพงกว่า
ผมไปกลับคนละสายการบิน ครั้งนี้ผมอยากจะลองนั่งสายการบินอื่นๆดูบ้าง อยากจะรู้ว่าแต่ละสายการบินเป็นไง ครั้งแรกผมนั่งสายการบิน airasia เที่ยวนี้ขาไปผมนั่ง jetstar ขากลับผมนั่ง tiger air ตอนที่ผมเช็คอิน ขาไปพนักงานถามผมว่าไปทำงานหรอ ผมบอกเปล่า เขาเลยขอดูตั๋วขากลับของผม สงสัยเขาไม่เห็นตั่วขากลับของผมเพราะผมกลับอีก สายการบิน แล้วที่สำคัญ ทั้ง 2 บินขึ้นลงคนละ terminal กันที่สนามบิน Changi Airport โดย jetstar จะขึ้นลง terminal 1 ส่วน tiger air จะขึ้นลง terminal2
ผมไปลองนอนที่สนามบิน พอดีผมต้องทำงาน เลยเลือกเที่ยวบินออกเวลา 21:20 - 00:40 น.แต่กว่าเครื่องจะถึงกว่าจะผ่าน ต.ม ก็ตี 1 กว่าแล้ว ไม่มีรถไฟเข้าเมือง แท็กชื่ก็ขึ้นไม่ไหวราคาแพง งบมีจำกัด ก็เลยหาที่นอน แถวนั้นเลย เช้า 8 ก็ไปรอชื้อตั๋วรถไฟ singapore tourist pass เข้าเมือง
ผมไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ต อันนี้ผมอยากจะลองดูว่าถ้าไม่มีเน็ตแล้วผมจะสามารถเอาตัวหรอได้ไหม บวกกับผมมาไม่กี่วันถ้าซื้อเน็ตที่สิงคโปร์ใช้มันจะไม่คุ้มกัน เลยอาศัยหาไวไฟ ฟรีใช้ตามที่สำคัญต่างๆ ที่สิงคโปร์ ผมหาไวไฟฟรีใช้ได้ตลอดเลยนะ
สถานที่ที่ได้ไปเที่ยว
ออกจากสนามบินตอนเช้าก็ไป เกาะเซ็นโตซ่า เดินหลงๆอยู่พักนึง แล้วก็เดินทางต่อไปที่ Suntec City และ Fountain Of Wealth เสร็จแล้วก็ไปต่อแถว Marina Bay เริ่มด้วย gardens by the bay ไปถ่ายรูปแต่รู้สึกร้อนมากๆ แล้วก็ไปนั่งเล่นแถวนั้นอยู่พักใหญ่ๆ รู้สึกเริ่มหมดแรง ไม่ค่อยได้นอน พอเริ่มมีแรงก็มาที่ marina bay sands เดินไปเรื่อยๆ อยากจะเข้าไป casino มากเลย แต่มาคนเดียวเลยไม่กล้า เข้าไป แล้วก็ออกไปถ่ายรูป รอบๆ อ่าว marina bay เพื่อรอเวลามืดจะได้ จะได้ไปถ่าย เมอร์ไลออน (Merlion) ตอนการคืน และรอดูการแสดงแสงสีเสียง แล้วก็ไป china town เพื่อไปหาที่พัก ผมจองโรงแรม โรงแรม Capsule Pod Boutique Hostel ไว้
เช้าก็มาที่ วัดพระเขี้ยวแก้ว และ วัดศรีมาริอัมมันต์ แล้วผมก็ไปที่เดินย่าน clarke quay ก่อนกลับก็ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ วัดกวนอิมตงฮุดโช Kuan Yin Thong Hood Cho Temple สุดท้ายไปที่ย่าน little india แล้วก็ไปสนามบินกลับประเทศไทย
สิ่งที่เป็นปัญหา
หลงทาง คือทริปนี้ผมไม่มีอินเตอร์เน็ต มีแค่หนังสือนำเที่ยวเล่มนึง ทำให้ผมไม่สามารถดู google map ได้ว่าผมอยู่ตรงไหนแล้วจะเดินไปที่อื่นทางไหน ต้องอ่านป้าย บอกทางเอา จึงกว่าจะไปถึงได้ก็มีหลงทางอยู่อยู่เลย ตอนอยู่ที่พักมีไวไฟให้ใช้ผมเลยแก้งงทางด้วยวิธีการแคปหน้าจอแผนที่สถานที่ต่างๆที่ผมจะไปไหวให้หมด พอหลงก็เปิดดู
คุยกับเชาไม่รู้เรื่อง คือมีผู้หญิงคนนึงมาถามผมว่ามีแซมพู่สระผม แต่ผมกว่าจะฟังเขารู้เรื่องพักนึงนะ พอดีผมไม่มี ผมตอบไปแค่คำว่า no อย่างเดียวผู้หญิงคนนั้นเลยรู้สึกไม่ พอใจ ถ้าผมเก่งภาษากว่านี้ผมก็จะสามารถอธิบายให้เธอเขาใจมากกว่านี้
ง่วงนอน การที่ผมมานอนที่สนามบิน มันนอนไม่หลับ ทำให้เราพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เราหมดแรงไม่มีแรงไปเที่ยวไหนเลย อยากจะนอน ไปนั่งตรงไหนก็อยากจะหลับลูกเดียว ทำให้เราเที่ยวไม่สนุก
วางแผนการเดินทางผิด คือที่ผมไปถึงที่สิงคโปร์ตอนดึกไม่ได้มีประโยชน์เลย ตอนแรกผมคิดว่าจะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น แต่พอเอาเขาจริงสถานีที่แถวต่างๆในสิงคโปร์เหมาะกับ การเที่ยวตอนเย็นๆมืดๆมากว่า ตอนเช้าตอนกลางวัน เพราะมันร้อนเอามากๆ เช่น ย่าน clarke quay กับ gardens by the bay ต้องไปตอนมึด เข้าจะเป็นไฟสวยงามเลย แล้วยังมีอีกหลายที่ที่ผมไม่ได้ไป เช่น ไม่ได้ไปย่าน Orchard ไม่ได้ไปเดิน Universal Studios Singapore (USS) ไม่ได้เขางบมีกัด
ทั้งหมดนี้ก็เป็นบ้างส่วนในประสบการณ์ในการเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์ คนเดียวของผม ด้วยงบที่จำกัด สำหรับการพัฒนาความสามารถตัวเองให้พร้อมที่จะไปดูลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ส่วนท่านได้ที่ต้องการอ่านแบบละเอียดสามารถอ่านได้ที่
สิ่งที่ผมได้ลองทำใหม่
ผมไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรรณภูมิ หลังจากที่ทริปแรกผมไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ครั้งนี้เลยอยากจะลองขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิดูบ้าง แล้วอีกอย่างถ้าผมจะไปแอนฟิลด์ ผมก็ต้องมาขึ้นเครื่องที่สนามบินนี้อะแหละ ผมมาโดยรถไฟแล้วก็มาลงที่สถานีลาดกะบัง แล้วก็ขึ้นรถไฟ airport rail link ไปที่สนามบิน มันจะสะดวกกว่าการเดินทางไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง แต่ของเสีย จำนวนสายการบิน low cost มีจำน้อยที่มาบินสนามบินสุวรรรณภูมิ ส่วนใหญ่จะเป็นสายการบิน full service ทำให้ราคาตั๋วจะแพงกว่า มันก็เลยมีทั้งข้อดีและข้อเสีย คือ ประหยัดเวลาและสะดวกในการเดินทางไปสนามบินมากกว่าดอนเมือง แต่ต้องแลกกับราคา ตั๋วเครื่องบินที่แพงกว่า
ผมไปกลับคนละสายการบิน ครั้งนี้ผมอยากจะลองนั่งสายการบินอื่นๆดูบ้าง อยากจะรู้ว่าแต่ละสายการบินเป็นไง ครั้งแรกผมนั่งสายการบิน airasia เที่ยวนี้ขาไปผมนั่ง jetstar ขากลับผมนั่ง tiger air ตอนที่ผมเช็คอิน ขาไปพนักงานถามผมว่าไปทำงานหรอ ผมบอกเปล่า เขาเลยขอดูตั๋วขากลับของผม สงสัยเขาไม่เห็นตั่วขากลับของผมเพราะผมกลับอีก สายการบิน แล้วที่สำคัญ ทั้ง 2 บินขึ้นลงคนละ terminal กันที่สนามบิน Changi Airport โดย jetstar จะขึ้นลง terminal 1 ส่วน tiger air จะขึ้นลง terminal2
ผมไปลองนอนที่สนามบิน พอดีผมต้องทำงาน เลยเลือกเที่ยวบินออกเวลา 21:20 - 00:40 น.แต่กว่าเครื่องจะถึงกว่าจะผ่าน ต.ม ก็ตี 1 กว่าแล้ว ไม่มีรถไฟเข้าเมือง แท็กชื่ก็ขึ้นไม่ไหวราคาแพง งบมีจำกัด ก็เลยหาที่นอน แถวนั้นเลย เช้า 8 ก็ไปรอชื้อตั๋วรถไฟ singapore tourist pass เข้าเมือง
ผมไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ต อันนี้ผมอยากจะลองดูว่าถ้าไม่มีเน็ตแล้วผมจะสามารถเอาตัวหรอได้ไหม บวกกับผมมาไม่กี่วันถ้าซื้อเน็ตที่สิงคโปร์ใช้มันจะไม่คุ้มกัน เลยอาศัยหาไวไฟ ฟรีใช้ตามที่สำคัญต่างๆ ที่สิงคโปร์ ผมหาไวไฟฟรีใช้ได้ตลอดเลยนะ
สถานที่ที่ได้ไปเที่ยว
ออกจากสนามบินตอนเช้าก็ไป เกาะเซ็นโตซ่า เดินหลงๆอยู่พักนึง แล้วก็เดินทางต่อไปที่ Suntec City และ Fountain Of Wealth เสร็จแล้วก็ไปต่อแถว Marina Bay เริ่มด้วย gardens by the bay ไปถ่ายรูปแต่รู้สึกร้อนมากๆ แล้วก็ไปนั่งเล่นแถวนั้นอยู่พักใหญ่ๆ รู้สึกเริ่มหมดแรง ไม่ค่อยได้นอน พอเริ่มมีแรงก็มาที่ marina bay sands เดินไปเรื่อยๆ อยากจะเข้าไป casino มากเลย แต่มาคนเดียวเลยไม่กล้า เข้าไป แล้วก็ออกไปถ่ายรูป รอบๆ อ่าว marina bay เพื่อรอเวลามืดจะได้ จะได้ไปถ่าย เมอร์ไลออน (Merlion) ตอนการคืน และรอดูการแสดงแสงสีเสียง แล้วก็ไป china town เพื่อไปหาที่พัก ผมจองโรงแรม โรงแรม Capsule Pod Boutique Hostel ไว้
เช้าก็มาที่ วัดพระเขี้ยวแก้ว และ วัดศรีมาริอัมมันต์ แล้วผมก็ไปที่เดินย่าน clarke quay ก่อนกลับก็ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ วัดกวนอิมตงฮุดโช Kuan Yin Thong Hood Cho Temple สุดท้ายไปที่ย่าน little india แล้วก็ไปสนามบินกลับประเทศไทย
สิ่งที่เป็นปัญหา
หลงทาง คือทริปนี้ผมไม่มีอินเตอร์เน็ต มีแค่หนังสือนำเที่ยวเล่มนึง ทำให้ผมไม่สามารถดู google map ได้ว่าผมอยู่ตรงไหนแล้วจะเดินไปที่อื่นทางไหน ต้องอ่านป้าย บอกทางเอา จึงกว่าจะไปถึงได้ก็มีหลงทางอยู่อยู่เลย ตอนอยู่ที่พักมีไวไฟให้ใช้ผมเลยแก้งงทางด้วยวิธีการแคปหน้าจอแผนที่สถานที่ต่างๆที่ผมจะไปไหวให้หมด พอหลงก็เปิดดู
คุยกับเชาไม่รู้เรื่อง คือมีผู้หญิงคนนึงมาถามผมว่ามีแซมพู่สระผม แต่ผมกว่าจะฟังเขารู้เรื่องพักนึงนะ พอดีผมไม่มี ผมตอบไปแค่คำว่า no อย่างเดียวผู้หญิงคนนั้นเลยรู้สึกไม่ พอใจ ถ้าผมเก่งภาษากว่านี้ผมก็จะสามารถอธิบายให้เธอเขาใจมากกว่านี้
ง่วงนอน การที่ผมมานอนที่สนามบิน มันนอนไม่หลับ ทำให้เราพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เราหมดแรงไม่มีแรงไปเที่ยวไหนเลย อยากจะนอน ไปนั่งตรงไหนก็อยากจะหลับลูกเดียว ทำให้เราเที่ยวไม่สนุก
วางแผนการเดินทางผิด คือที่ผมไปถึงที่สิงคโปร์ตอนดึกไม่ได้มีประโยชน์เลย ตอนแรกผมคิดว่าจะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น แต่พอเอาเขาจริงสถานีที่แถวต่างๆในสิงคโปร์เหมาะกับ การเที่ยวตอนเย็นๆมืดๆมากว่า ตอนเช้าตอนกลางวัน เพราะมันร้อนเอามากๆ เช่น ย่าน clarke quay กับ gardens by the bay ต้องไปตอนมึด เข้าจะเป็นไฟสวยงามเลย แล้วยังมีอีกหลายที่ที่ผมไม่ได้ไป เช่น ไม่ได้ไปย่าน Orchard ไม่ได้ไปเดิน Universal Studios Singapore (USS) ไม่ได้เขางบมีกัด
ทั้งหมดนี้ก็เป็นบ้างส่วนในประสบการณ์ในการเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์ คนเดียวของผม ด้วยงบที่จำกัด สำหรับการพัฒนาความสามารถตัวเองให้พร้อมที่จะไปดูลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ส่วนท่านได้ที่ต้องการอ่านแบบละเอียดสามารถอ่านได้ที่
วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
ขั้นตอนการจองโรงแรมของผม
สำหรับการจองโรงแรมทีพักของผม ในการไปเที่ยวประเทศฮ่องกงนั้น ผมได้จองผ่าน Booking.com โดยสาเหตุที่จองผ่านทางนี้คือเลือกไปมั่วๆไปงั้นนะ แต่พอหาข้อมูลก็พบว่าเราสามารถที่จะจองโรงแรมได้หลายเว็บเหมือนกัน เช่น agoda, booking, hotel เป็นต้น แต่เรายังสามารถจองโรงแรมพร้อมตั๋วเครื่องบินได้ โดยสามารถจองผ่าน agency เช่น expedia.co.th, traveloka.com เป็นต้น
ผมไปฮ่องกง 5วัน 4 คืน ผมเป็นมือใหม่เลยเลือกที่จะพักแค่โรงแรมเดียวพอ ผมไปคนเดียวเลยเลือกที่จะพักแบบ hostel เพราะราคาถูกว่า hotel มากเลยที่เดียว แต่ก็ต้องแลกด้วยกว่าไม่สะดวกสะบายเพราะจะต้องนอนรวมกับคนอื่นด้วย แต่ถ้าผมไป 2 คน ผมจะเลือกพักแบบ hotel เพราะราคาหาร 2 แล้วจะเท่าๆกับพักแบบ hostel แต่ได้รับความสะดวกสบาย มีความเป็นส่วนตัวมากกว่ากันเยอะเลยที่เดียว
เมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องพักแบบ hostelแล้ว ผมก็เลยเลือกที่พักราคาไม่ถูกสุดและไม่แพงสุด เอา hostel ราคากลางๆที่เรารับได้ และผมก็ดูลักษณะของห้องที่เราจะนอน ดูห้องน้ำ ดูว่ามีอะไรให้ฟรีบ้าง และที่สำคัญคือดูรีวิวของคนทีเคยมาพักก่อนหน้านี้ ถ้าทั้งหมดอยู่ในระดับดีก็เลือกอันนั้น
ผมเลือกพักที่ homy inn north point เมื่อจองเสร็จระบบจะทำการหักเงินในบัญชีผมเลย แต่ก็คืนเงินให้ภายหลัง
เมื่อผมไป check in เขาก็จะเก็บเงินราคาห้องพักที่เราต้องจ่าย แล้วก็จะต้องจ่ายเพิ่ม ค่า service charge อีก 10% เขาก็จะรวมมาเป็นยอดเดียวกัน ตอนแรกผมก็งงๆ ทำไหมราคามันแพงกว่าในเว็บบอก แต่ก็พอรู้ว่าอาจจะมีค่า service charge อีก 10% ด้วย (แต่ก็ดีเขาไม่เก็บค่ามัดจำ) ผมก็ไม่ได้ถามพนักงานหรอก แต่ลองคำนวนราคาแล้วใช่เลย เขาก็จะมีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน มี Adapter ของฮ่องกงให้ยึม และในห้องยังมี ผ้าขนหนู มีครีมอาบน้ำ ห้องน้ำในตัวแต่ไม่มีประตูปิดมีแค่ผ้าม่าน มีแอร์ ถือว่าดีเลยที่เดียว เสียอย่างเดียวต้องนอนรวมกันคนอื่น อีก 1 คน เพราะห้องนี้นอนได้ 2 คน
วิธีการจองโรงแรมของผม
ให้เราใส่รายละเอียดสถานที่ที่เราจะไปพัก เลือกวันที่จะ check in และ check out และเลือกจำนวนคนที่จะเข้าพัก
ก็จะมีหลายชื่อโรงแรมที่เขาแนะนำหรือโรงแรมที่กำลังลดราคาให้เราเห็นก่อน ก็สามารถเลือกได้เลยส่วนมากจะเป็นแบบ hotel แต่ผมไม่ได้พักแบบ hotel
ผมเลือกพักแบบ hostel เลยต้องตั้งค่าให้แสดงแบบถูกที่สุดขึ้นก่อน เพราะส่วนมากโรงแรมราคาถูกสุดๆ จะเป็นการพักแบบนอนรวมกันหลายคนในห้องเดียวกัน เห็นมัยที่พักราคาถูกสุดของฮองกงราคา 452 บาทเอง
อันนี้เป็นโรงแรมที่ผมจองตอนไปพักที่ฮ่องกงราคาไม่แพง คืนละ 645 บาท มีคะแนนจากคนที่มาพัก ตั้ง 8 นะ แถมไม่ค่อยมีคนติด้วย ผมเลยเลือกจอง
โดยเราเลือกห้องที่เราจะพัก แต่ละห้องจะมีรายละเอียดแต่ต่างกันอ่านให้ดีด้วย เลือกให้ห้องตามที่เราต้องการ แล้วเราก็กดจองเลย ตรวจสอบวันที่ จำนวนคนที่จะพักให้ถูกต้องด้วย
เมื่อกดจอง ก็จะแสดงรายละเอียด ราคาที่พักทั้งหมด มีค่ามัดจำเท่าไร ค่า service charge หรือเปล่า เราต้องอ่านให้ดี
แล้วก็ให้ใส่ชื่อ และรายละเอียดต่างๆของผู้ที่จะเข้าพัก ใส่ให้ถูกต้องจะได้ไม่มีปัญหาตอน check in
เมื่อใส่ชื่อเรียบร้อยแล้วก็จะมาถึงหน้าที่ให้ใส่รายละเอียดบัตรเคดิต เราก็ใส่ไประบบก็จะทำการจองให้
การจ่ายเงินบ้างโรงแรมจะหักเงินเลยเมื่อเราทำการจ่ายเงิน บ้างโรงแรมจะหักเงินก่อนแล้วทำการคืนให้ แล้วให้เราไปจ่ายเงินตอนที่เราไปเช็คอิน แต่ก็มีบ้างโรงแรมจะมีวันกำหนดว่าเราสามารถยกเลิกการจองได้ โดยไม่เสียค่าปรับ ถ้ายกเลิกหลังวันที่ๆเขากำหนดเราก็จะเสียค่าปรับ
เมื่อเราจ่ายเงินแล้วระบบจะทำการส่งรายละเอียดการจองมาให้ทางอีเมล ให้เราตรวจสบความถูกต้อง
และเมื่อตรวจความถูกต้องในการจองแล้ว
ให้เราส่ง email ไปตรวจสอบความกับทางโรงแรมว่ามีการจองโรงแรมของเราหรือเปล่า เพื่อความแน่นอน จะได้ไม่มีปัญหาตอนไป check in
Hello
My name is .......(ชื่อและนามสกุลของคุณ) I have recently booked a room at your hotel through ....(เว็บไซท์ที่จอง)..... My reservation no. is .... (หมายเลขการจอง). I would like to check with you if my reservation was successful.
I am looking forward to hearing back from you.
Regards,
......
อันนี้เป็นแบบฟอร์มข้อมูลที่ผมส่งไปทางอีเมลหาโรงแรมที่ผมได้จองไว้ (เก็บของคนอื่นมา เพราะผมเองก็อ่อนภาษาอังกฤษ แต่ผมก็ใช่อันนี้แหละ) แล้วทางโรงแรมก็จะอีเมลกลับมา เป็นอันเสร็จสิ้นการจองโรงแรม
สำหรับการจองโรงแรมถ้าไม่เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวก็ไม่ต้องรีบจองล่วงหน้านานหลายๆเดือน เราจะได้มีเวลาเลือกโรงแรมที่ถูกใจ มีเวลาอ่านรีวิวโรงแรมของคนอื่น เราอาจมีการเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวก็ได้ และอาจมีการเลื่อนเที่ยวบินก็ได้เหมือนกัน
ผมไปฮ่องกง 5วัน 4 คืน ผมเป็นมือใหม่เลยเลือกที่จะพักแค่โรงแรมเดียวพอ ผมไปคนเดียวเลยเลือกที่จะพักแบบ hostel เพราะราคาถูกว่า hotel มากเลยที่เดียว แต่ก็ต้องแลกด้วยกว่าไม่สะดวกสะบายเพราะจะต้องนอนรวมกับคนอื่นด้วย แต่ถ้าผมไป 2 คน ผมจะเลือกพักแบบ hotel เพราะราคาหาร 2 แล้วจะเท่าๆกับพักแบบ hostel แต่ได้รับความสะดวกสบาย มีความเป็นส่วนตัวมากกว่ากันเยอะเลยที่เดียว
เมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องพักแบบ hostelแล้ว ผมก็เลยเลือกที่พักราคาไม่ถูกสุดและไม่แพงสุด เอา hostel ราคากลางๆที่เรารับได้ และผมก็ดูลักษณะของห้องที่เราจะนอน ดูห้องน้ำ ดูว่ามีอะไรให้ฟรีบ้าง และที่สำคัญคือดูรีวิวของคนทีเคยมาพักก่อนหน้านี้ ถ้าทั้งหมดอยู่ในระดับดีก็เลือกอันนั้น
ผมเลือกพักที่ homy inn north point เมื่อจองเสร็จระบบจะทำการหักเงินในบัญชีผมเลย แต่ก็คืนเงินให้ภายหลัง
เมื่อผมไป check in เขาก็จะเก็บเงินราคาห้องพักที่เราต้องจ่าย แล้วก็จะต้องจ่ายเพิ่ม ค่า service charge อีก 10% เขาก็จะรวมมาเป็นยอดเดียวกัน ตอนแรกผมก็งงๆ ทำไหมราคามันแพงกว่าในเว็บบอก แต่ก็พอรู้ว่าอาจจะมีค่า service charge อีก 10% ด้วย (แต่ก็ดีเขาไม่เก็บค่ามัดจำ) ผมก็ไม่ได้ถามพนักงานหรอก แต่ลองคำนวนราคาแล้วใช่เลย เขาก็จะมีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน มี Adapter ของฮ่องกงให้ยึม และในห้องยังมี ผ้าขนหนู มีครีมอาบน้ำ ห้องน้ำในตัวแต่ไม่มีประตูปิดมีแค่ผ้าม่าน มีแอร์ ถือว่าดีเลยที่เดียว เสียอย่างเดียวต้องนอนรวมกันคนอื่น อีก 1 คน เพราะห้องนี้นอนได้ 2 คน
วิธีการจองโรงแรมของผม
ให้เราใส่รายละเอียดสถานที่ที่เราจะไปพัก เลือกวันที่จะ check in และ check out และเลือกจำนวนคนที่จะเข้าพัก
ก็จะมีหลายชื่อโรงแรมที่เขาแนะนำหรือโรงแรมที่กำลังลดราคาให้เราเห็นก่อน ก็สามารถเลือกได้เลยส่วนมากจะเป็นแบบ hotel แต่ผมไม่ได้พักแบบ hotel
ผมเลือกพักแบบ hostel เลยต้องตั้งค่าให้แสดงแบบถูกที่สุดขึ้นก่อน เพราะส่วนมากโรงแรมราคาถูกสุดๆ จะเป็นการพักแบบนอนรวมกันหลายคนในห้องเดียวกัน เห็นมัยที่พักราคาถูกสุดของฮองกงราคา 452 บาทเอง
อันนี้เป็นโรงแรมที่ผมจองตอนไปพักที่ฮ่องกงราคาไม่แพง คืนละ 645 บาท มีคะแนนจากคนที่มาพัก ตั้ง 8 นะ แถมไม่ค่อยมีคนติด้วย ผมเลยเลือกจอง
โดยเราเลือกห้องที่เราจะพัก แต่ละห้องจะมีรายละเอียดแต่ต่างกันอ่านให้ดีด้วย เลือกให้ห้องตามที่เราต้องการ แล้วเราก็กดจองเลย ตรวจสอบวันที่ จำนวนคนที่จะพักให้ถูกต้องด้วย
เมื่อกดจอง ก็จะแสดงรายละเอียด ราคาที่พักทั้งหมด มีค่ามัดจำเท่าไร ค่า service charge หรือเปล่า เราต้องอ่านให้ดี
แล้วก็ให้ใส่ชื่อ และรายละเอียดต่างๆของผู้ที่จะเข้าพัก ใส่ให้ถูกต้องจะได้ไม่มีปัญหาตอน check in
เมื่อใส่ชื่อเรียบร้อยแล้วก็จะมาถึงหน้าที่ให้ใส่รายละเอียดบัตรเคดิต เราก็ใส่ไประบบก็จะทำการจองให้
การจ่ายเงินบ้างโรงแรมจะหักเงินเลยเมื่อเราทำการจ่ายเงิน บ้างโรงแรมจะหักเงินก่อนแล้วทำการคืนให้ แล้วให้เราไปจ่ายเงินตอนที่เราไปเช็คอิน แต่ก็มีบ้างโรงแรมจะมีวันกำหนดว่าเราสามารถยกเลิกการจองได้ โดยไม่เสียค่าปรับ ถ้ายกเลิกหลังวันที่ๆเขากำหนดเราก็จะเสียค่าปรับ
เมื่อเราจ่ายเงินแล้วระบบจะทำการส่งรายละเอียดการจองมาให้ทางอีเมล ให้เราตรวจสบความถูกต้อง
และเมื่อตรวจความถูกต้องในการจองแล้ว
ให้เราส่ง email ไปตรวจสอบความกับทางโรงแรมว่ามีการจองโรงแรมของเราหรือเปล่า เพื่อความแน่นอน จะได้ไม่มีปัญหาตอนไป check in
Hello
My name is .......(ชื่อและนามสกุลของคุณ) I have recently booked a room at your hotel through ....(เว็บไซท์ที่จอง)..... My reservation no. is .... (หมายเลขการจอง). I would like to check with you if my reservation was successful.
I am looking forward to hearing back from you.
Regards,
......
อันนี้เป็นแบบฟอร์มข้อมูลที่ผมส่งไปทางอีเมลหาโรงแรมที่ผมได้จองไว้ (เก็บของคนอื่นมา เพราะผมเองก็อ่อนภาษาอังกฤษ แต่ผมก็ใช่อันนี้แหละ) แล้วทางโรงแรมก็จะอีเมลกลับมา เป็นอันเสร็จสิ้นการจองโรงแรม
สำหรับการจองโรงแรมถ้าไม่เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวก็ไม่ต้องรีบจองล่วงหน้านานหลายๆเดือน เราจะได้มีเวลาเลือกโรงแรมที่ถูกใจ มีเวลาอ่านรีวิวโรงแรมของคนอื่น เราอาจมีการเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวก็ได้ และอาจมีการเลื่อนเที่ยวบินก็ได้เหมือนกัน
วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
ขั้นตอนการจองตั๋วเครื่องบินของผม
หลังจากที่ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศฮ่องกงมาแล้ว เลยอยากจะเขียนขั้นตอนการจองตั๋วเครื่องบิน จะเห็นได้จากได้ตั๋วเครื่องบินไปกลับฮ่องกง 3900 บาท เป็นราคาที่ค่อนข้างถูกมาก แต่ไม่ใช้ถูกที่สุด เพราะถ้าจะให้ถูกที่สุดอาจจะต้องจองเมื่อมีโปรที่เขาให้จองล่วงหน้า 6 เดือนขึ้นไป แต่ของผมจองส่วงหน้าแค่เดือนครึ่ง ก็เลยถึงว่าเป็นราคาที่ถูกมาก ไม่ต้องเสียเวลาจองหน้า และอีกเหตุผลนึงที่ผมไม่ได้จองล่วงหน้านาน เพราะผมเพิ่งได้ไปทำ passport มาช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม พอได้ passport ถึงเริ่มวางแผนจะไปเที่ยวไหน เริ่มหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก
ต้องบอกก่อนนะผมไม่มีความรู้เรื่องการจองตั่วเครื่องบิน ก็เลยต้องหาข้อมูลการจองก่อน เลยรู้ว่าเราสามารถจองตั่วเครื่องบินผ่านเว็บสายการบินที่เราต้องการบินด้วยได้เลย และจองผ่าน agency
เมื่อรู้ที่จองแล้วผมก็ต้องหาโปรโมชั่น ส่วนลดราคาจะได้ประหยัดงบในการท่องเที่ยวหน่อย ก็พบว่ามีหลายเว็บที่เขาจะค่อยอัพเดตโปรโมชั่น เช่น ar-pae.com, friendtellpro.com, tidpro.net เป็นต้น
แล้วพบว่าส่วนมากเขาก็จะส่งไปที่เว็บ agency เช่น expedia.co.th, traveloka.com เป็นต้น
ตอนที่ผมจองตั๋วไปฮ่องกงนั้น ผมได้กำหนดวันที่ผมจะไปคราว ประมาณปลายเดือนตุลาคม ผมเลยเขาไปค่อยเซ็คราคา ทั้ง expedia.co.th, traveloka.com ทุกวัน ที่เว็บ expedia จะดีหน่อยจะบอกวันที่ตั๋วราคาถูกและมีวันใกล้เครียงกับที่เราเราต้องการจะไป
จนผมได้เจอ ตั๋วเครื่องบินไปกลับฮ่องกง 3750 บาท ของ airasia ราคาไม่รวมโหลดกระเป๋า และที่ผมเป้นคนอยากรู้อยากเห็นเลยเอาวันที่ มีราคาโปร ไปเซ็คกับเว็บ airasia พอว่าราคาแพงกว่า expedia ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน แล้วผมก็ ไปเซ็คกับ traveloka พบว่า expedia ราคาถูกกว่า แต่จากการค้นหาข้อมูล traveloka จะมีคูปองส่วนลดแจกค่อนข้างมาก ทำให้ราคาใกล้เครียงกัน แต่เราก็ต้องเสียเวลาไปหาคูปองอีก
ขั้นตอนแรกคือเข้าเว็บ expedia.com เข้าจากลิ้งที่มาจากเว็บที่บอกโปรตัวเครื่องบินก็ได้
เลือกสถานที่ไปกลับและวันที่จะไปกลับ เลือกจำนวนคน
เลือกเที่ยวบินข้างไปว่าเราต้องต้องจะไปช่วงเวลาไหน ต้องตรวจสอบวันที่และเวลาให้ละเอียดด้วย เขาจะมีบอกวันราคาถูกใกล้ๆกับวันที่เราจะไปด้วย
เราควรจะเลือกขึ้นลงสนามบินที่อยู่ใกล้บ้านเรามากที่สุดเดินทางสะดวก เพราะเรามีสนามบิน ดอนเมือง กับ สุวรรณภูมิ
เราควรเลือกเวลาเครื่องบินออกและกลับด้วย เราเลือกตั่วที่ราคาถูกที่สุดๆ แต่ต้องไปเสียค่าอื่นๆ เพิ่ม มันอาจจะไม่คุ้ม
ต้องดูด้วยว่าราคาตั๋วรวมค่าโหลดกระเป๋าด้วยหรือเปล่า
และต้องดูด้วยว่าบินตรงหรือเราต้องไปต่อเครื่องทีประเทศอื่น และต้องดูด้วยว่าใช้เวลาต่องเครื่องนานหรือ ถ้าน้อยไปอาจจะไปต่อเครื่องไม่ทัน ถ้าเวลาต่อเครื่องนานเราอาจจะเข้าไปเที่ยวประเทศในได้ด้วย โดยเฉพาะประเทศที่เราไม่ต้องของวีซ่า และบ้างที่ประเทศที่เราไปต่อเครื่องอาจจะต้องขอวีซ่าด้วย ต้องศึกษาหาข้อมูลดีๆ
อย่างเช่น thai airasia x ด้านบนจะเป็นแบบบินตรง คือจะบินตรงไปถึงปลายทางเลย แต่ไม่รวมค่าโหลดกระเป๋า
ส่วนอันล่างจะของ hongkong airline เป็นแบบต่อเครื่อง โดยจะต้องไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง จะมีเวลาต่อเครื่อง 6 ชั่วโมง 30 นาที ลองดูเวลาไปถึงฮ่องกง 9:00 และเครื่องออก 15:30 เท่ากับเรามีเวลาพอที่จะเข้าไปเที่ยวในประเทศฮ่องกงได้ เหมือนเราได้เที่ยว 2 ประเทศเลย และรวมกับโหลดกระเป๋าฟรี 20 กิโลกรัม
เลือกเที่ยวบินข้างกลับ
จะถามว่าจะจองโรงแรมพร้อมเที่ยวบินเลยหรือเปล่า บ้างที่การจองตั่วเพิ่มกับโรงแรมราคาอาจจะถูกลงอีก
ตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินไปกลับ ต้องตรวจสอบให้ดีด้วย
ใส่รายละเอียด ชื่อ และรายละเอียดต่างๆของคนที่จะบินต้องให้ตรงกับใน passport (เวลาจองตั๋วผมจะหยิบ passport มาดูเลยทุกครั้ง กันความผิดพลาด) ห้ามผิดเด็ดขาด เพราะถ้าผิดจะมีปัญหาในการ เช็คอิน อาจจะต้องเสียตังเพิ่ม หรืออาจจะต้องทิ้งตั๋วเครื่องบินเลยก็ได้
และใส่รายละเอียด บัตรเคดิต (ผมไม่มีบัตร บัตรเคดิต เลยจ่ายด้วย K-Web Shopping Card )
แล้วก็รอระบบทำการตัดเงิน และเราก็ต้องจ่ายค่าค่าธรรมเนียมตัดบัตรเครดิตเพิ่มเติม แต่ราคาจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบิน
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว เราก็ต้องมาตรวจสอบใน email ว่ามีการยืนยันการจองตั๋วเครื่องบินของเราหรือเปล่า ถ้ามีก็จะมี email ที่มาจากสายการบินที่เราจอง จะมีคำว่า itinerary ประมาณนี้ และถ้าเราจองผ่านทาง expedia เราก็จะได้อีเมลยืนยันจากทาง expedia ด้วย
รายละเอียดในอีเมล จะมีข้อความ บอก รายละเอียดของเที่ยวบิน และบอก Booking reference จะเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษหรือตัวเลข 6 ตัว
เราก็ต้องเข้าไปตรวจสอบในเว็บของสายการบินอีกที่ ในที่นี้ผมจองตั่วกับทาง airasia และผมก็เป็นสมาชิกกับทางเว็บของเขาอยู่แล้วเลยสามารถเข้าไปดูได้เลยว่า มี booking เข้าเราอยู่มั้ย โดยดูได้ที่เมนู "บุ๊คกิ้งของคุณ"
ก็จะมีรายละเอียด การจองของเราขึ้นมา แต่ถ้าจองผ่านทาง expedia อาจจะไม่มี ให้เราเข้าไปดูในเมนู "ดูข้อมูลการสำรองที่นั่ง" ขึ้นอยู่ ให้เราย้ายมากอยู่ในหน้า "บุ๊คกิ้งของคุณ" ได้เลย
บางสายการบินที่เราไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกกับทางเว็บของสายการบินนั้น เราก็สามารถตรวจสอบ booking ของเราได้ อย่างเช่น jetstar ผมไม่ได้เป็นสมาชิกกับทางเว็บของเขา เขาก็จะมี Manage booking โดยจะให้เราใส่หรัส Booking Reference ที่ได้จากการจอง และ Email ที่ใช้ในการจอง
เราสามารถสั่งอาหาร ชื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม หรือจองทีนั่งได้ในนี้เลย เพราะใน expedia ไม่สามารถซิ้อได้ เท่านี้ก็เป็นอันจองตั๋วเครื่องบินเสร็จสิ้น
และเราก็ต้องค่อยดูในอีเมลเราด้วยบ้างที่จะมีสายการบินแจ้งเลื่อนเวลาเที่ยวบินก็มีนะ
แต่ก็มีทริกในการจองตั๋วเครื่องบินด้วย แบบว่าถ้าจองพร้อมที่พักด้วย ราคาจะถูกกว่า จองตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว โดยเฉพาะ airasia ชอบออกโปรประเภทนี้มากมากเลยที่เดี่ยว เรียกว่า จองโรงแรมบินฟรี
จะสามารถเห็นได้ว่าผมลองจองวันที่เดียวกัน จะเห็นได้ว่าราคาตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว ราคา 1580 บาท
แต่ถ้าจองตั๋วพร้อมกับจองโรงแรมราคา 987 บาท เอง
เวลาจองตั๋วเครื่องจึงควรเลือกตรวจสอบหลายๆที่และหลายวิธีในการจอง และเลือกเวลาให้ถูกใจและคุ้มมากที่สุด ก็จะทำให้เราได้ตั๋วราคาถูก
ต้องบอกก่อนนะผมไม่มีความรู้เรื่องการจองตั่วเครื่องบิน ก็เลยต้องหาข้อมูลการจองก่อน เลยรู้ว่าเราสามารถจองตั่วเครื่องบินผ่านเว็บสายการบินที่เราต้องการบินด้วยได้เลย และจองผ่าน agency
เมื่อรู้ที่จองแล้วผมก็ต้องหาโปรโมชั่น ส่วนลดราคาจะได้ประหยัดงบในการท่องเที่ยวหน่อย ก็พบว่ามีหลายเว็บที่เขาจะค่อยอัพเดตโปรโมชั่น เช่น ar-pae.com, friendtellpro.com, tidpro.net เป็นต้น
แล้วพบว่าส่วนมากเขาก็จะส่งไปที่เว็บ agency เช่น expedia.co.th, traveloka.com เป็นต้น
ตอนที่ผมจองตั๋วไปฮ่องกงนั้น ผมได้กำหนดวันที่ผมจะไปคราว ประมาณปลายเดือนตุลาคม ผมเลยเขาไปค่อยเซ็คราคา ทั้ง expedia.co.th, traveloka.com ทุกวัน ที่เว็บ expedia จะดีหน่อยจะบอกวันที่ตั๋วราคาถูกและมีวันใกล้เครียงกับที่เราเราต้องการจะไป
จนผมได้เจอ ตั๋วเครื่องบินไปกลับฮ่องกง 3750 บาท ของ airasia ราคาไม่รวมโหลดกระเป๋า และที่ผมเป้นคนอยากรู้อยากเห็นเลยเอาวันที่ มีราคาโปร ไปเซ็คกับเว็บ airasia พอว่าราคาแพงกว่า expedia ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน แล้วผมก็ ไปเซ็คกับ traveloka พบว่า expedia ราคาถูกกว่า แต่จากการค้นหาข้อมูล traveloka จะมีคูปองส่วนลดแจกค่อนข้างมาก ทำให้ราคาใกล้เครียงกัน แต่เราก็ต้องเสียเวลาไปหาคูปองอีก
ขั้นตอนแรกคือเข้าเว็บ expedia.com เข้าจากลิ้งที่มาจากเว็บที่บอกโปรตัวเครื่องบินก็ได้
เลือกสถานที่ไปกลับและวันที่จะไปกลับ เลือกจำนวนคน
เลือกเที่ยวบินข้างไปว่าเราต้องต้องจะไปช่วงเวลาไหน ต้องตรวจสอบวันที่และเวลาให้ละเอียดด้วย เขาจะมีบอกวันราคาถูกใกล้ๆกับวันที่เราจะไปด้วย
เราควรจะเลือกขึ้นลงสนามบินที่อยู่ใกล้บ้านเรามากที่สุดเดินทางสะดวก เพราะเรามีสนามบิน ดอนเมือง กับ สุวรรณภูมิ
เราควรเลือกเวลาเครื่องบินออกและกลับด้วย เราเลือกตั่วที่ราคาถูกที่สุดๆ แต่ต้องไปเสียค่าอื่นๆ เพิ่ม มันอาจจะไม่คุ้ม
ต้องดูด้วยว่าราคาตั๋วรวมค่าโหลดกระเป๋าด้วยหรือเปล่า
และต้องดูด้วยว่าบินตรงหรือเราต้องไปต่อเครื่องทีประเทศอื่น และต้องดูด้วยว่าใช้เวลาต่องเครื่องนานหรือ ถ้าน้อยไปอาจจะไปต่อเครื่องไม่ทัน ถ้าเวลาต่อเครื่องนานเราอาจจะเข้าไปเที่ยวประเทศในได้ด้วย โดยเฉพาะประเทศที่เราไม่ต้องของวีซ่า และบ้างที่ประเทศที่เราไปต่อเครื่องอาจจะต้องขอวีซ่าด้วย ต้องศึกษาหาข้อมูลดีๆ
อย่างเช่น thai airasia x ด้านบนจะเป็นแบบบินตรง คือจะบินตรงไปถึงปลายทางเลย แต่ไม่รวมค่าโหลดกระเป๋า
ส่วนอันล่างจะของ hongkong airline เป็นแบบต่อเครื่อง โดยจะต้องไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง จะมีเวลาต่อเครื่อง 6 ชั่วโมง 30 นาที ลองดูเวลาไปถึงฮ่องกง 9:00 และเครื่องออก 15:30 เท่ากับเรามีเวลาพอที่จะเข้าไปเที่ยวในประเทศฮ่องกงได้ เหมือนเราได้เที่ยว 2 ประเทศเลย และรวมกับโหลดกระเป๋าฟรี 20 กิโลกรัม
เลือกเที่ยวบินข้างกลับ
จะถามว่าจะจองโรงแรมพร้อมเที่ยวบินเลยหรือเปล่า บ้างที่การจองตั่วเพิ่มกับโรงแรมราคาอาจจะถูกลงอีก
ตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินไปกลับ ต้องตรวจสอบให้ดีด้วย
ใส่รายละเอียด ชื่อ และรายละเอียดต่างๆของคนที่จะบินต้องให้ตรงกับใน passport (เวลาจองตั๋วผมจะหยิบ passport มาดูเลยทุกครั้ง กันความผิดพลาด) ห้ามผิดเด็ดขาด เพราะถ้าผิดจะมีปัญหาในการ เช็คอิน อาจจะต้องเสียตังเพิ่ม หรืออาจจะต้องทิ้งตั๋วเครื่องบินเลยก็ได้
และใส่รายละเอียด บัตรเคดิต (ผมไม่มีบัตร บัตรเคดิต เลยจ่ายด้วย K-Web Shopping Card )
แล้วก็รอระบบทำการตัดเงิน และเราก็ต้องจ่ายค่าค่าธรรมเนียมตัดบัตรเครดิตเพิ่มเติม แต่ราคาจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบิน
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว เราก็ต้องมาตรวจสอบใน email ว่ามีการยืนยันการจองตั๋วเครื่องบินของเราหรือเปล่า ถ้ามีก็จะมี email ที่มาจากสายการบินที่เราจอง จะมีคำว่า itinerary ประมาณนี้ และถ้าเราจองผ่านทาง expedia เราก็จะได้อีเมลยืนยันจากทาง expedia ด้วย
เราก็ต้องเข้าไปตรวจสอบในเว็บของสายการบินอีกที่ ในที่นี้ผมจองตั่วกับทาง airasia และผมก็เป็นสมาชิกกับทางเว็บของเขาอยู่แล้วเลยสามารถเข้าไปดูได้เลยว่า มี booking เข้าเราอยู่มั้ย โดยดูได้ที่เมนู "บุ๊คกิ้งของคุณ"
ก็จะมีรายละเอียด การจองของเราขึ้นมา แต่ถ้าจองผ่านทาง expedia อาจจะไม่มี ให้เราเข้าไปดูในเมนู "ดูข้อมูลการสำรองที่นั่ง" ขึ้นอยู่ ให้เราย้ายมากอยู่ในหน้า "บุ๊คกิ้งของคุณ" ได้เลย
บางสายการบินที่เราไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกกับทางเว็บของสายการบินนั้น เราก็สามารถตรวจสอบ booking ของเราได้ อย่างเช่น jetstar ผมไม่ได้เป็นสมาชิกกับทางเว็บของเขา เขาก็จะมี Manage booking โดยจะให้เราใส่หรัส Booking Reference ที่ได้จากการจอง และ Email ที่ใช้ในการจอง
เราสามารถสั่งอาหาร ชื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม หรือจองทีนั่งได้ในนี้เลย เพราะใน expedia ไม่สามารถซิ้อได้ เท่านี้ก็เป็นอันจองตั๋วเครื่องบินเสร็จสิ้น
และเราก็ต้องค่อยดูในอีเมลเราด้วยบ้างที่จะมีสายการบินแจ้งเลื่อนเวลาเที่ยวบินก็มีนะ
แต่ก็มีทริกในการจองตั๋วเครื่องบินด้วย แบบว่าถ้าจองพร้อมที่พักด้วย ราคาจะถูกกว่า จองตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว โดยเฉพาะ airasia ชอบออกโปรประเภทนี้มากมากเลยที่เดี่ยว เรียกว่า จองโรงแรมบินฟรี
จะสามารถเห็นได้ว่าผมลองจองวันที่เดียวกัน จะเห็นได้ว่าราคาตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว ราคา 1580 บาท
แต่ถ้าจองตั๋วพร้อมกับจองโรงแรมราคา 987 บาท เอง
เวลาจองตั๋วเครื่องจึงควรเลือกตรวจสอบหลายๆที่และหลายวิธีในการจอง และเลือกเวลาให้ถูกใจและคุ้มมากที่สุด ก็จะทำให้เราได้ตั๋วราคาถูก
วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560
ภาคตะลุยประเทศฮ่องกงคนเดี่ยว 5 วัน 4 คืน ฉบับคนไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน
สวัสดีครับผมได้เริ่มต้นตามล่าความของผมในโปรเจคฉันจะไปแอนฟิลด์การไปดูลิเวอร์พูลแข่งที่สนามแอนฟิลด์ประเทศอังกฤษแล้วนะครับ โดยผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยว
ประเทศฮองกง ชึ่งเป็นประเทศแรกในการไปต่างประเทศของผมด้วย ถึงจะไม่ต้องตามแผนการสร้างประวัติการเดินทางเพื่อให้ง่ายต่อการขอวีช่า
เพราะในแผนผมจะไปประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศแรก แล้วตามด้วยประเทศฮ่องกง มาปิดท้ายด้วยประเทศญี่ปุ่น จึงค่อยไปอังกฤษ
แต่มีหลายอย่างที่มันไม่เป็นตามที่คิดไว้ คือผมไม่สามารถหาตั๋วเครื่องบินไปประเทศสิงคโปร์ ที่ราคาต่ำกว่า 3,000 บาท ได้ ทั้งๆที่ก่อนที่ผมจะไปทำ passport ยังมีตั๋วเครื่องบินราคาต่ำกว่า 3,000 บาท มีให้เลือกหลายสายการบินเลย แล้วก็มีข่าวพบไวรัสซิก้า ผมจึงเริ่มมองหาตั๋วเครื่องบินไปประเทศฮ่องกง เพิ่มขึ้น แล้วผมก็พบตั๋วเครื่องบินราคาโปรโมชั่นไปประเทศฮ่องกง ราคา 3,750 บาท โดยผมเห็นตั๋วราคานี้วันจันทร์ แต่ผมก็ยังไม่ได้จอง เพราะผมตั้งใจจะไปประเทศสิงคโปร์ก่อน พอมาวันอังคารผมยังเห็นตั๋วราคานี้อยู่ ผมก็เลยพูดว่าถ้าวันพฤหัสบดียังมีตั๋วไปประเทศฮ่องกงราคานี้อยู่ ผมจะไปประเทศฮ่องกง พอมาวันพฤหัสบดีผมเห็นราคานี้ผมเลยจองตั๋วเครื่องบิน สรุปผมมาประเทศฮ่องกงแทนสิงคโปร์แบบงงๆตัวเองเหมือนกัน
สิงที่ผมได้ลองทำใหม่
ผมมาประเทศฮ่องกงด้วยจุดประสงค์ต้องเริ่มต้นลงมือทำ และต้องการประเมินความสามารถของผมว่ามีแค่ไหน แล้วก็มีอะไรที่ผมต้องทำการแก้ไขบ้าง การเดินทางมาประเทศฮ่องกงของผมเป็นอะไรที่ใหม่ทั้งหมด เพราะไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนเลย ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย แถมผมไปคนเดี่ยวด้วย ผมต้องทำเองทุกอย่าง
การขึ้นเครืองบิน ผมมาฮองครั้งนี้เป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตของผมเลย ผมไม่เคยไปที่ไหนมาก่อนเลย ก่อนมาผมหาข้อมูลขั้นตอนการขึ้นเครื่องบินมาเยอะพอสมควร ทำให้ผมได้อย่างไม่มีปัญหา แต่มีปํญหาตอนขึ้นบินกำลังบินขึ้นผมรู้สึกมึนหัวเอามากๆเลย
การผ่าน ต.ม ผมไม่เคยผ่าน ต.ม ทีไหนมาก่อนเลย ตอนก่อนออกประเทศผมผ่านทางเจ้าหน้าที่เพราะอยากมีรอยตราปั๊มบน passport ส่วนเวลาผ่าน ต.ม ประเทศฮ่องกงเขามองหน้าผมแล้วให้ผ่านไปได้เลย โชคดีทีไม่ถามอะไร
การไปนอนพักประเทศฮ่องกง ผมได้โอกาสไปพักที่อื่น แถมได้ไปนอนรวมกับฝรั่งต่างประเทศที่ไม่ใช้คนฮ่องกง
การสั่งอาหารต่างประเทศ ผมไปสั่งอาหารมื้อแรกผมเป็นเมนูแล้วชื้ไปมั่วๆ เพราะเมนูทีเขาให้มามันเป็นภาษาจีน คือผมไม่รู้เรื่องภาษาจีนเลยสักตัวทำให้ผมอ่านไม่ออก พอวันต่อมาผมไปร้านเดินพนักงานเห็นเลยเอาเมนูภาษาอังกฤษมาให้เลยสั่งได้ถูกต้อง
การเดินทางในประเทศฮ่องกง เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาศไปใช้งานระบบขนส่งมวลชน ของประเทศฮ่องกงทำให้รู้ว่าดีมากเลย ผมขึ้นรถบัสจากสนามบินไปที่พักของผมบนรถบัสจะมีป้ายบอกตลอดว่าเราถึงที่ไหนแล้ว ผมลองนึกนะถ้าไม่มีป้ายบอกผมคงแย่เอามากๆเลย เพราะผมไปถึงฮ่องกงตอนมืด ทำให้เรามองอะไรไม่เห็น และก็จะไม่รู้เลยว่าเราไปถึงไหนแล้ว จะถึงที่หมายของเราหรือยัง หรือเลยไปแล้ว แถมเน็ตผมก็ยังใช้ไม่ได้ทำให้ดูแผนที่ไม่ได้ คิดไม่ออกเลยถ้าเป็นรถเมล์แบบประเทศไทยผมจะทำยังไง
การใช้งานอินเตอร์เน็ต ผมไม่เคยใช้งานเน็ตมือถือมาก่อนเลย ปกติจะใช้แต่ไวไฟ ผมจึงไม่รู้วิธีการตั้งค่ามือถือให้สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ต พอผมถึงฮ่องกงผมก็ใส่ซิมของประเทศฮ่องกงที่ซื้อมาจากประเทศไทยเข้าไป มันมีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ใช้อินเตอร์เน็ตไม่ได้ต้องไปตั้งค่าโทรศัพท์แต่ผมตั้งไม่เป็น แถมต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการดูแผนทีเพื่อจะหาทีพัก จึงเป็นปัญหาใหญ่เลย พอหาที่พักเจอถึงตั้งค่าอินเตอร์เน็ตได้ผมละเซ็งเลย
สถานที่เที่ยวในฮ่องกงที่ผมไปมา
วันนี้ไปไหว้ เจ้าแม่กวนอิม ที่ ศาลเจ้าแม่กวนอิม (Kwun Yam Shrine) ที่ หาดรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay Beach) แล้วก็ไปต่อที่ Stanley Market แล้วก็นั่งรถเมล์กลับมาที่ย่านเซ็นทรัล เพื่อที่จะไปที่ The Peak แล้วกลับที่พัก
วันนี้จะเที่ยวฝั่ง kowloon ผมมาวัดนางชี หรือวัด Chi Lin Nunnery และ สวน Nan Lian Garden แล้วก็ไปวัดหวังต้าเซียน แล้วก็มา flower market แล้วผมก็เดินข้ามฝั่งถนนมาก็จะเจอ ตลาดขายซื้อผ้า เยอะมาก ผมก็เดินชมไปเรื่อย จนถึง goldfish market แล้วก็ถึงแถวๆ มกก๊ก แล้วก็ไปลองนั่งเรือ ข้ามฝั่ง kowloon มาฝั่ง hongkong
วันนี้ จะไป วัดแชกงหมิว แล้วก็เจอเจอไทยด้วยกัน เขาชวนไป วัด Tsz Shan ผมก็ไป ผมได้ไปเขียนอักษรจีด้วย
วันนี้วันสุดท้ายไปวัดเจ้าแม่ทับทิม (Tin Hau Temple) ที่ย่าน (Yau Ma Tei) ที่วันก่อนไปและไม่ได้เข้าไปไหว้ วันนี้เลยถึงโอกาสมาไหว้ขอพรให้เดินทางกลับด้วยความปลอดภัย แล้วผมก็เดินไปขึ้นกระเช้านองปิง 360 เพื่อจะขึ้นไปไหว้ พระใหญ่โปหลิน แล้วกลับมาที่ citygate outlet hong kong แล้วไปสนามบินเพื่อกลับประเทศไทย
ปัญหาที่ผมเจอ
ภาพที่คิดกับภาพที่เจอไม่เหมือนกัน คือว่าผมไปหลายที่แล้วรู้สึกว่าภาพที่ผมคิดกับภาพที่เจอมันไม่เหมือนกัน อย่างเช่นตอนไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ที่ ศาลเจ้าแม่กวนอิม (Kwun Yam Shrine) ที่ หาดรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay Beach) ผมก็เขาใจว่ามันติดทำเลทางที่ไปก็น่าจะเป็นถนน ริมทะเลเหมือนบางแสนบ้านเรา ที่ไหนได้เป็นถนนที่วิ่งบนเขาเจอโค้งมากกมาย แถมเราไม่สามารถมองเห็นศาลเจ้าแม่กวนอิมจากบนถนนได้ ต้องเดินลงเขามาหน่อยแล้วเดินไปตามช้ายหาดถึงจะเจอ
ผมนั่งรถเลยไป 2 ป้าย ที่รู้ว่าเลย เพราะดูในแผนที่บนgoogle map แล้วมันเลย ต้องลงแล้วเดินย้อนกลับมา แล้วอีกสิ่งที่ภาพที่คิดกับสิ่งที่เจอไม่เหมือนกัน คือที่พัก ผมกว่าจะหาที่พักเจอใช้เวลาตั้งนาน ภาพที่คิดที่พักน่าจะเหมือนประเทศไทยมีหน้าร้านข้างล่างส่วนข้างบนจะเป็นที่พัก แต่ที่ฮ่องกงข้างล่างจะเป็นแค่ทางเดินเข้า เราต้องขึ้นลิฟท์ไปอีก 2 ชั้นจึงจะเจอเคาน์เตอร์ให้เราเช็คอิน เล่นชะเหนื่อย
การพักผ่อน ผมรู้สึกว่าผมนอนไม่ค่อยจะหลับเลย เพราะที่พักผมเป็นห้องพักร่วมกับผู้อื่น คือจะมีคนอื่นนอนด้วยอีกหนึ่งคน บวกกับผมผิดที่ไม่เคยไปนอนที่อื่นด้วย พอผมนอนหลับ ไม่เพียงพอทำให้ไม่มีแรงไปไหนมึนหัวทั้งวัน
แบตหมด แถมไม่มีกล้องถ่ายรูป คือโทรศัพท์เครื่องทีผมใช้อยู่มันเป็นของมือ 2 คุณภาพมันไม่ค่อยดีเท่าไร แบตก็ไม่อึด ถ่ายรูปก็ไม่ชัด แถมผมไม่ได้เอา power bank ไปด้วย กล้องถ่ายรูปก็ไม่มี เลยไม่ค่อยจะได้รูปมาเท่าไร พอแบตไม่ดีทำให้ผมไม่ได้ไปดูการแสดงโชว์ Symphony of Lights ที่ริมแม่น้ำเพราะแบตมันหมดตั้งแต่บ่าย ถ้ารอดูก็ถ่ายรูปไม่ได้
รองเท้ากัด พอดีผมซื้อรถเท้าใหม่ก่อนไปฮ่องกงยังไม่ได้ลองใส่ แล้ววันแรกที่ไปผมเดินเยอะมากทำให้รองเท้ากัด วันต่อมาผมจึงใส่รองเท้าแตะแทน ทำให้ผมการเป็นคนประหลาด เพราะคนฮองกงเขาใส่แต่รองเท้าผ้าใบกันไม่ค่อยเห็นใครใส่รองเท้าแตะกัน ถ้าใส่ก็เป็นพวกต่างชาติไม่ใช่ฮองกง
ภาษา คือ คนฮ่องกงส่วนใหญ่จะไม่พูดภาษาอังกฤษจะพูดภาษาจีน ตัวผมเองไม่ได้ภาษาจีนเลยสักตัว แถมภาษาอังกฤษผมยังอ่อนมากๆ ทำให้คุยไม่รู้เรื่อง โชคดีส่วนวันหลังๆไป เที่ยวพร้อมกับกลุ่มคนไทยที่เจอที่ฮองกง มึคนที่พูดภาษาจีนได้ผมเลยสบายไป
ทั้งหมดนี้ก็เป็นบ้างส่วนในประสบการณ์ในการเดินทางไปเที่ยวประเทศฮ่องกง คนเดียวของผมแถมเป็นการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของผมด้วย เพื่อพัฒนาความสามารถตัวเองให้พร้อมที่จะไปดูลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์ประเทศอังกฤษ ส่วนท่านได้ที่ต้องการอ่านแบบละเอียดสามารถอ่านได้ที่
แต่มีหลายอย่างที่มันไม่เป็นตามที่คิดไว้ คือผมไม่สามารถหาตั๋วเครื่องบินไปประเทศสิงคโปร์ ที่ราคาต่ำกว่า 3,000 บาท ได้ ทั้งๆที่ก่อนที่ผมจะไปทำ passport ยังมีตั๋วเครื่องบินราคาต่ำกว่า 3,000 บาท มีให้เลือกหลายสายการบินเลย แล้วก็มีข่าวพบไวรัสซิก้า ผมจึงเริ่มมองหาตั๋วเครื่องบินไปประเทศฮ่องกง เพิ่มขึ้น แล้วผมก็พบตั๋วเครื่องบินราคาโปรโมชั่นไปประเทศฮ่องกง ราคา 3,750 บาท โดยผมเห็นตั๋วราคานี้วันจันทร์ แต่ผมก็ยังไม่ได้จอง เพราะผมตั้งใจจะไปประเทศสิงคโปร์ก่อน พอมาวันอังคารผมยังเห็นตั๋วราคานี้อยู่ ผมก็เลยพูดว่าถ้าวันพฤหัสบดียังมีตั๋วไปประเทศฮ่องกงราคานี้อยู่ ผมจะไปประเทศฮ่องกง พอมาวันพฤหัสบดีผมเห็นราคานี้ผมเลยจองตั๋วเครื่องบิน สรุปผมมาประเทศฮ่องกงแทนสิงคโปร์แบบงงๆตัวเองเหมือนกัน
สิงที่ผมได้ลองทำใหม่
ผมมาประเทศฮ่องกงด้วยจุดประสงค์ต้องเริ่มต้นลงมือทำ และต้องการประเมินความสามารถของผมว่ามีแค่ไหน แล้วก็มีอะไรที่ผมต้องทำการแก้ไขบ้าง การเดินทางมาประเทศฮ่องกงของผมเป็นอะไรที่ใหม่ทั้งหมด เพราะไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนเลย ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย แถมผมไปคนเดี่ยวด้วย ผมต้องทำเองทุกอย่าง
การขึ้นเครืองบิน ผมมาฮองครั้งนี้เป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตของผมเลย ผมไม่เคยไปที่ไหนมาก่อนเลย ก่อนมาผมหาข้อมูลขั้นตอนการขึ้นเครื่องบินมาเยอะพอสมควร ทำให้ผมได้อย่างไม่มีปัญหา แต่มีปํญหาตอนขึ้นบินกำลังบินขึ้นผมรู้สึกมึนหัวเอามากๆเลย
การผ่าน ต.ม ผมไม่เคยผ่าน ต.ม ทีไหนมาก่อนเลย ตอนก่อนออกประเทศผมผ่านทางเจ้าหน้าที่เพราะอยากมีรอยตราปั๊มบน passport ส่วนเวลาผ่าน ต.ม ประเทศฮ่องกงเขามองหน้าผมแล้วให้ผ่านไปได้เลย โชคดีทีไม่ถามอะไร
การไปนอนพักประเทศฮ่องกง ผมได้โอกาสไปพักที่อื่น แถมได้ไปนอนรวมกับฝรั่งต่างประเทศที่ไม่ใช้คนฮ่องกง
การสั่งอาหารต่างประเทศ ผมไปสั่งอาหารมื้อแรกผมเป็นเมนูแล้วชื้ไปมั่วๆ เพราะเมนูทีเขาให้มามันเป็นภาษาจีน คือผมไม่รู้เรื่องภาษาจีนเลยสักตัวทำให้ผมอ่านไม่ออก พอวันต่อมาผมไปร้านเดินพนักงานเห็นเลยเอาเมนูภาษาอังกฤษมาให้เลยสั่งได้ถูกต้อง
การเดินทางในประเทศฮ่องกง เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาศไปใช้งานระบบขนส่งมวลชน ของประเทศฮ่องกงทำให้รู้ว่าดีมากเลย ผมขึ้นรถบัสจากสนามบินไปที่พักของผมบนรถบัสจะมีป้ายบอกตลอดว่าเราถึงที่ไหนแล้ว ผมลองนึกนะถ้าไม่มีป้ายบอกผมคงแย่เอามากๆเลย เพราะผมไปถึงฮ่องกงตอนมืด ทำให้เรามองอะไรไม่เห็น และก็จะไม่รู้เลยว่าเราไปถึงไหนแล้ว จะถึงที่หมายของเราหรือยัง หรือเลยไปแล้ว แถมเน็ตผมก็ยังใช้ไม่ได้ทำให้ดูแผนที่ไม่ได้ คิดไม่ออกเลยถ้าเป็นรถเมล์แบบประเทศไทยผมจะทำยังไง
การใช้งานอินเตอร์เน็ต ผมไม่เคยใช้งานเน็ตมือถือมาก่อนเลย ปกติจะใช้แต่ไวไฟ ผมจึงไม่รู้วิธีการตั้งค่ามือถือให้สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ต พอผมถึงฮ่องกงผมก็ใส่ซิมของประเทศฮ่องกงที่ซื้อมาจากประเทศไทยเข้าไป มันมีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ใช้อินเตอร์เน็ตไม่ได้ต้องไปตั้งค่าโทรศัพท์แต่ผมตั้งไม่เป็น แถมต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการดูแผนทีเพื่อจะหาทีพัก จึงเป็นปัญหาใหญ่เลย พอหาที่พักเจอถึงตั้งค่าอินเตอร์เน็ตได้ผมละเซ็งเลย
สถานที่เที่ยวในฮ่องกงที่ผมไปมา
วันนี้ไปไหว้ เจ้าแม่กวนอิม ที่ ศาลเจ้าแม่กวนอิม (Kwun Yam Shrine) ที่ หาดรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay Beach) แล้วก็ไปต่อที่ Stanley Market แล้วก็นั่งรถเมล์กลับมาที่ย่านเซ็นทรัล เพื่อที่จะไปที่ The Peak แล้วกลับที่พัก
วันนี้จะเที่ยวฝั่ง kowloon ผมมาวัดนางชี หรือวัด Chi Lin Nunnery และ สวน Nan Lian Garden แล้วก็ไปวัดหวังต้าเซียน แล้วก็มา flower market แล้วผมก็เดินข้ามฝั่งถนนมาก็จะเจอ ตลาดขายซื้อผ้า เยอะมาก ผมก็เดินชมไปเรื่อย จนถึง goldfish market แล้วก็ถึงแถวๆ มกก๊ก แล้วก็ไปลองนั่งเรือ ข้ามฝั่ง kowloon มาฝั่ง hongkong
วันนี้ จะไป วัดแชกงหมิว แล้วก็เจอเจอไทยด้วยกัน เขาชวนไป วัด Tsz Shan ผมก็ไป ผมได้ไปเขียนอักษรจีด้วย
วันนี้วันสุดท้ายไปวัดเจ้าแม่ทับทิม (Tin Hau Temple) ที่ย่าน (Yau Ma Tei) ที่วันก่อนไปและไม่ได้เข้าไปไหว้ วันนี้เลยถึงโอกาสมาไหว้ขอพรให้เดินทางกลับด้วยความปลอดภัย แล้วผมก็เดินไปขึ้นกระเช้านองปิง 360 เพื่อจะขึ้นไปไหว้ พระใหญ่โปหลิน แล้วกลับมาที่ citygate outlet hong kong แล้วไปสนามบินเพื่อกลับประเทศไทย
ปัญหาที่ผมเจอ
ภาพที่คิดกับภาพที่เจอไม่เหมือนกัน คือว่าผมไปหลายที่แล้วรู้สึกว่าภาพที่ผมคิดกับภาพที่เจอมันไม่เหมือนกัน อย่างเช่นตอนไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ที่ ศาลเจ้าแม่กวนอิม (Kwun Yam Shrine) ที่ หาดรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay Beach) ผมก็เขาใจว่ามันติดทำเลทางที่ไปก็น่าจะเป็นถนน ริมทะเลเหมือนบางแสนบ้านเรา ที่ไหนได้เป็นถนนที่วิ่งบนเขาเจอโค้งมากกมาย แถมเราไม่สามารถมองเห็นศาลเจ้าแม่กวนอิมจากบนถนนได้ ต้องเดินลงเขามาหน่อยแล้วเดินไปตามช้ายหาดถึงจะเจอ
ผมนั่งรถเลยไป 2 ป้าย ที่รู้ว่าเลย เพราะดูในแผนที่บนgoogle map แล้วมันเลย ต้องลงแล้วเดินย้อนกลับมา แล้วอีกสิ่งที่ภาพที่คิดกับสิ่งที่เจอไม่เหมือนกัน คือที่พัก ผมกว่าจะหาที่พักเจอใช้เวลาตั้งนาน ภาพที่คิดที่พักน่าจะเหมือนประเทศไทยมีหน้าร้านข้างล่างส่วนข้างบนจะเป็นที่พัก แต่ที่ฮ่องกงข้างล่างจะเป็นแค่ทางเดินเข้า เราต้องขึ้นลิฟท์ไปอีก 2 ชั้นจึงจะเจอเคาน์เตอร์ให้เราเช็คอิน เล่นชะเหนื่อย
การพักผ่อน ผมรู้สึกว่าผมนอนไม่ค่อยจะหลับเลย เพราะที่พักผมเป็นห้องพักร่วมกับผู้อื่น คือจะมีคนอื่นนอนด้วยอีกหนึ่งคน บวกกับผมผิดที่ไม่เคยไปนอนที่อื่นด้วย พอผมนอนหลับ ไม่เพียงพอทำให้ไม่มีแรงไปไหนมึนหัวทั้งวัน
แบตหมด แถมไม่มีกล้องถ่ายรูป คือโทรศัพท์เครื่องทีผมใช้อยู่มันเป็นของมือ 2 คุณภาพมันไม่ค่อยดีเท่าไร แบตก็ไม่อึด ถ่ายรูปก็ไม่ชัด แถมผมไม่ได้เอา power bank ไปด้วย กล้องถ่ายรูปก็ไม่มี เลยไม่ค่อยจะได้รูปมาเท่าไร พอแบตไม่ดีทำให้ผมไม่ได้ไปดูการแสดงโชว์ Symphony of Lights ที่ริมแม่น้ำเพราะแบตมันหมดตั้งแต่บ่าย ถ้ารอดูก็ถ่ายรูปไม่ได้
รองเท้ากัด พอดีผมซื้อรถเท้าใหม่ก่อนไปฮ่องกงยังไม่ได้ลองใส่ แล้ววันแรกที่ไปผมเดินเยอะมากทำให้รองเท้ากัด วันต่อมาผมจึงใส่รองเท้าแตะแทน ทำให้ผมการเป็นคนประหลาด เพราะคนฮองกงเขาใส่แต่รองเท้าผ้าใบกันไม่ค่อยเห็นใครใส่รองเท้าแตะกัน ถ้าใส่ก็เป็นพวกต่างชาติไม่ใช่ฮองกง
ภาษา คือ คนฮ่องกงส่วนใหญ่จะไม่พูดภาษาอังกฤษจะพูดภาษาจีน ตัวผมเองไม่ได้ภาษาจีนเลยสักตัว แถมภาษาอังกฤษผมยังอ่อนมากๆ ทำให้คุยไม่รู้เรื่อง โชคดีส่วนวันหลังๆไป เที่ยวพร้อมกับกลุ่มคนไทยที่เจอที่ฮองกง มึคนที่พูดภาษาจีนได้ผมเลยสบายไป
ทั้งหมดนี้ก็เป็นบ้างส่วนในประสบการณ์ในการเดินทางไปเที่ยวประเทศฮ่องกง คนเดียวของผมแถมเป็นการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของผมด้วย เพื่อพัฒนาความสามารถตัวเองให้พร้อมที่จะไปดูลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์ประเทศอังกฤษ ส่วนท่านได้ที่ต้องการอ่านแบบละเอียดสามารถอ่านได้ที่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)