สำหรับทริปไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ เป็นทริปที่ 2 ของผมในการตามล่าความฝันไปดูลิเวอร์พูลแข่งที่สนามแอนฟิลด์
หลังจากที่ทริปแรกผมได้มีโอกาสไปตะลุยประเทศฮ่องกงแบบฉบับคนไม่มีเคยไปต่างประเทศมาก่อน แถมไปคนเดี่ยวด้วยมาแล้ว ทริปสิงคโปร์นี้ผมก็เดินทางคนเดี่ยวอีกแล้ว โดยครั้งนี้จะเน้นการหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทียังไม่ได้ลองทำตอนไปประเทศฮ่องกง และก็จะเน้นเที่ยวแบบประหยัด แต่ไม่อดยาก กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ แต่คงไม่ได้เข้าไปเที่ยวเล่นในที่ๆเก็บเงิน จะไปแต่ที่ๆเขาให้เขาฟรีในประเทศสิงคโปร์
สิ่งที่ผมได้ลองทำใหม่
ผมไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรรณภูมิ หลังจากที่ทริปแรกผมไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ครั้งนี้เลยอยากจะลองขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิดูบ้าง แล้วอีกอย่างถ้าผมจะไปแอนฟิลด์ ผมก็ต้องมาขึ้นเครื่องที่สนามบินนี้อะแหละ ผมมาโดยรถไฟแล้วก็มาลงที่สถานีลาดกะบัง แล้วก็ขึ้นรถไฟ airport rail link ไปที่สนามบิน มันจะสะดวกกว่าการเดินทางไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง แต่ของเสีย จำนวนสายการบิน low cost มีจำน้อยที่มาบินสนามบินสุวรรรณภูมิ ส่วนใหญ่จะเป็นสายการบิน full service ทำให้ราคาตั๋วจะแพงกว่า มันก็เลยมีทั้งข้อดีและข้อเสีย คือ ประหยัดเวลาและสะดวกในการเดินทางไปสนามบินมากกว่าดอนเมือง แต่ต้องแลกกับราคา
ตั๋วเครื่องบินที่แพงกว่า
ผมไปกลับคนละสายการบิน ครั้งนี้ผมอยากจะลองนั่งสายการบินอื่นๆดูบ้าง อยากจะรู้ว่าแต่ละสายการบินเป็นไง ครั้งแรกผมนั่งสายการบิน airasia เที่ยวนี้ขาไปผมนั่ง jetstar
ขากลับผมนั่ง tiger air ตอนที่ผมเช็คอิน ขาไปพนักงานถามผมว่าไปทำงานหรอ ผมบอกเปล่า เขาเลยขอดูตั๋วขากลับของผม สงสัยเขาไม่เห็นตั่วขากลับของผมเพราะผมกลับอีก
สายการบิน แล้วที่สำคัญ ทั้ง 2 บินขึ้นลงคนละ terminal กันที่สนามบิน Changi Airport โดย jetstar จะขึ้นลง terminal 1 ส่วน tiger air จะขึ้นลง terminal2
ผมไปลองนอนที่สนามบิน พอดีผมต้องทำงาน เลยเลือกเที่ยวบินออกเวลา 21:20 - 00:40 น.แต่กว่าเครื่องจะถึงกว่าจะผ่าน ต.ม ก็ตี 1 กว่าแล้ว ไม่มีรถไฟเข้าเมือง
แท็กชื่ก็ขึ้นไม่ไหวราคาแพง งบมีจำกัด ก็เลยหาที่นอน แถวนั้นเลย เช้า 8 ก็ไปรอชื้อตั๋วรถไฟ singapore tourist pass เข้าเมือง
ผมไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ต อันนี้ผมอยากจะลองดูว่าถ้าไม่มีเน็ตแล้วผมจะสามารถเอาตัวหรอได้ไหม บวกกับผมมาไม่กี่วันถ้าซื้อเน็ตที่สิงคโปร์ใช้มันจะไม่คุ้มกัน เลยอาศัยหาไวไฟ
ฟรีใช้ตามที่สำคัญต่างๆ ที่สิงคโปร์ ผมหาไวไฟฟรีใช้ได้ตลอดเลยนะ
สถานที่ที่ได้ไปเที่ยว
ออกจากสนามบินตอนเช้าก็ไป เกาะเซ็นโตซ่า เดินหลงๆอยู่พักนึง แล้วก็เดินทางต่อไปที่ Suntec City และ Fountain Of Wealth
เสร็จแล้วก็ไปต่อแถว Marina Bay เริ่มด้วย gardens by the bay ไปถ่ายรูปแต่รู้สึกร้อนมากๆ แล้วก็ไปนั่งเล่นแถวนั้นอยู่พักใหญ่ๆ
รู้สึกเริ่มหมดแรง ไม่ค่อยได้นอน พอเริ่มมีแรงก็มาที่ marina bay sands เดินไปเรื่อยๆ อยากจะเข้าไป casino มากเลย แต่มาคนเดียวเลยไม่กล้า
เข้าไป แล้วก็ออกไปถ่ายรูป รอบๆ อ่าว marina bay เพื่อรอเวลามืดจะได้ จะได้ไปถ่าย เมอร์ไลออน (Merlion) ตอนการคืน และรอดูการแสดงแสงสีเสียง
แล้วก็ไป china town เพื่อไปหาที่พัก ผมจองโรงแรม โรงแรม Capsule Pod Boutique Hostel ไว้
เช้าก็มาที่ วัดพระเขี้ยวแก้ว และ วัดศรีมาริอัมมันต์ แล้วผมก็ไปที่เดินย่าน clarke quay ก่อนกลับก็ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ วัดกวนอิมตงฮุดโช Kuan Yin Thong Hood Cho Temple
สุดท้ายไปที่ย่าน little india แล้วก็ไปสนามบินกลับประเทศไทย
สิ่งที่เป็นปัญหา
หลงทาง คือทริปนี้ผมไม่มีอินเตอร์เน็ต มีแค่หนังสือนำเที่ยวเล่มนึง ทำให้ผมไม่สามารถดู google map ได้ว่าผมอยู่ตรงไหนแล้วจะเดินไปที่อื่นทางไหน ต้องอ่านป้าย
บอกทางเอา จึงกว่าจะไปถึงได้ก็มีหลงทางอยู่อยู่เลย ตอนอยู่ที่พักมีไวไฟให้ใช้ผมเลยแก้งงทางด้วยวิธีการแคปหน้าจอแผนที่สถานที่ต่างๆที่ผมจะไปไหวให้หมด พอหลงก็เปิดดู
คุยกับเชาไม่รู้เรื่อง คือมีผู้หญิงคนนึงมาถามผมว่ามีแซมพู่สระผม แต่ผมกว่าจะฟังเขารู้เรื่องพักนึงนะ พอดีผมไม่มี ผมตอบไปแค่คำว่า no อย่างเดียวผู้หญิงคนนั้นเลยรู้สึกไม่
พอใจ ถ้าผมเก่งภาษากว่านี้ผมก็จะสามารถอธิบายให้เธอเขาใจมากกว่านี้
ง่วงนอน การที่ผมมานอนที่สนามบิน มันนอนไม่หลับ ทำให้เราพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เราหมดแรงไม่มีแรงไปเที่ยวไหนเลย อยากจะนอน ไปนั่งตรงไหนก็อยากจะหลับลูกเดียว
ทำให้เราเที่ยวไม่สนุก
วางแผนการเดินทางผิด คือที่ผมไปถึงที่สิงคโปร์ตอนดึกไม่ได้มีประโยชน์เลย ตอนแรกผมคิดว่าจะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น แต่พอเอาเขาจริงสถานีที่แถวต่างๆในสิงคโปร์เหมาะกับ
การเที่ยวตอนเย็นๆมืดๆมากว่า ตอนเช้าตอนกลางวัน เพราะมันร้อนเอามากๆ เช่น ย่าน clarke quay กับ gardens by the bay ต้องไปตอนมึด
เข้าจะเป็นไฟสวยงามเลย แล้วยังมีอีกหลายที่ที่ผมไม่ได้ไป เช่น ไม่ได้ไปย่าน Orchard ไม่ได้ไปเดิน Universal Studios Singapore (USS)
ไม่ได้เขางบมีกัด
ทั้งหมดนี้ก็เป็นบ้างส่วนในประสบการณ์ในการเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์ คนเดียวของผม ด้วยงบที่จำกัด สำหรับการพัฒนาความสามารถตัวเองให้พร้อมที่จะไปดูลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ส่วนท่านได้ที่ต้องการอ่านแบบละเอียดสามารถอ่านได้ที่
บล็อกนี้ผมทำขึ้นมาเพื่อรวบรวมข้อมูลและบันทึกการเดินทางตามหาความฝันในการที่จะไปดูลิเวอร์พูลแข่งที่สนามแอนฟิลด์ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
ขั้นตอนการจองโรงแรมของผม
สำหรับการจองโรงแรมทีพักของผม ในการไปเที่ยวประเทศฮ่องกงนั้น ผมได้จองผ่าน Booking.com โดยสาเหตุที่จองผ่านทางนี้คือเลือกไปมั่วๆไปงั้นนะ แต่พอหาข้อมูลก็พบว่าเราสามารถที่จะจองโรงแรมได้หลายเว็บเหมือนกัน เช่น agoda, booking, hotel เป็นต้น แต่เรายังสามารถจองโรงแรมพร้อมตั๋วเครื่องบินได้ โดยสามารถจองผ่าน agency เช่น expedia.co.th, traveloka.com เป็นต้น
ผมไปฮ่องกง 5วัน 4 คืน ผมเป็นมือใหม่เลยเลือกที่จะพักแค่โรงแรมเดียวพอ ผมไปคนเดียวเลยเลือกที่จะพักแบบ hostel เพราะราคาถูกว่า hotel มากเลยที่เดียว แต่ก็ต้องแลกด้วยกว่าไม่สะดวกสะบายเพราะจะต้องนอนรวมกับคนอื่นด้วย แต่ถ้าผมไป 2 คน ผมจะเลือกพักแบบ hotel เพราะราคาหาร 2 แล้วจะเท่าๆกับพักแบบ hostel แต่ได้รับความสะดวกสบาย มีความเป็นส่วนตัวมากกว่ากันเยอะเลยที่เดียว
เมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องพักแบบ hostelแล้ว ผมก็เลยเลือกที่พักราคาไม่ถูกสุดและไม่แพงสุด เอา hostel ราคากลางๆที่เรารับได้ และผมก็ดูลักษณะของห้องที่เราจะนอน ดูห้องน้ำ ดูว่ามีอะไรให้ฟรีบ้าง และที่สำคัญคือดูรีวิวของคนทีเคยมาพักก่อนหน้านี้ ถ้าทั้งหมดอยู่ในระดับดีก็เลือกอันนั้น
ผมเลือกพักที่ homy inn north point เมื่อจองเสร็จระบบจะทำการหักเงินในบัญชีผมเลย แต่ก็คืนเงินให้ภายหลัง
เมื่อผมไป check in เขาก็จะเก็บเงินราคาห้องพักที่เราต้องจ่าย แล้วก็จะต้องจ่ายเพิ่ม ค่า service charge อีก 10% เขาก็จะรวมมาเป็นยอดเดียวกัน ตอนแรกผมก็งงๆ ทำไหมราคามันแพงกว่าในเว็บบอก แต่ก็พอรู้ว่าอาจจะมีค่า service charge อีก 10% ด้วย (แต่ก็ดีเขาไม่เก็บค่ามัดจำ) ผมก็ไม่ได้ถามพนักงานหรอก แต่ลองคำนวนราคาแล้วใช่เลย เขาก็จะมีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน มี Adapter ของฮ่องกงให้ยึม และในห้องยังมี ผ้าขนหนู มีครีมอาบน้ำ ห้องน้ำในตัวแต่ไม่มีประตูปิดมีแค่ผ้าม่าน มีแอร์ ถือว่าดีเลยที่เดียว เสียอย่างเดียวต้องนอนรวมกันคนอื่น อีก 1 คน เพราะห้องนี้นอนได้ 2 คน
วิธีการจองโรงแรมของผม
ให้เราใส่รายละเอียดสถานที่ที่เราจะไปพัก เลือกวันที่จะ check in และ check out และเลือกจำนวนคนที่จะเข้าพัก
ก็จะมีหลายชื่อโรงแรมที่เขาแนะนำหรือโรงแรมที่กำลังลดราคาให้เราเห็นก่อน ก็สามารถเลือกได้เลยส่วนมากจะเป็นแบบ hotel แต่ผมไม่ได้พักแบบ hotel
ผมเลือกพักแบบ hostel เลยต้องตั้งค่าให้แสดงแบบถูกที่สุดขึ้นก่อน เพราะส่วนมากโรงแรมราคาถูกสุดๆ จะเป็นการพักแบบนอนรวมกันหลายคนในห้องเดียวกัน เห็นมัยที่พักราคาถูกสุดของฮองกงราคา 452 บาทเอง
อันนี้เป็นโรงแรมที่ผมจองตอนไปพักที่ฮ่องกงราคาไม่แพง คืนละ 645 บาท มีคะแนนจากคนที่มาพัก ตั้ง 8 นะ แถมไม่ค่อยมีคนติด้วย ผมเลยเลือกจอง
โดยเราเลือกห้องที่เราจะพัก แต่ละห้องจะมีรายละเอียดแต่ต่างกันอ่านให้ดีด้วย เลือกให้ห้องตามที่เราต้องการ แล้วเราก็กดจองเลย ตรวจสอบวันที่ จำนวนคนที่จะพักให้ถูกต้องด้วย
เมื่อกดจอง ก็จะแสดงรายละเอียด ราคาที่พักทั้งหมด มีค่ามัดจำเท่าไร ค่า service charge หรือเปล่า เราต้องอ่านให้ดี
แล้วก็ให้ใส่ชื่อ และรายละเอียดต่างๆของผู้ที่จะเข้าพัก ใส่ให้ถูกต้องจะได้ไม่มีปัญหาตอน check in
เมื่อใส่ชื่อเรียบร้อยแล้วก็จะมาถึงหน้าที่ให้ใส่รายละเอียดบัตรเคดิต เราก็ใส่ไประบบก็จะทำการจองให้
การจ่ายเงินบ้างโรงแรมจะหักเงินเลยเมื่อเราทำการจ่ายเงิน บ้างโรงแรมจะหักเงินก่อนแล้วทำการคืนให้ แล้วให้เราไปจ่ายเงินตอนที่เราไปเช็คอิน แต่ก็มีบ้างโรงแรมจะมีวันกำหนดว่าเราสามารถยกเลิกการจองได้ โดยไม่เสียค่าปรับ ถ้ายกเลิกหลังวันที่ๆเขากำหนดเราก็จะเสียค่าปรับ
เมื่อเราจ่ายเงินแล้วระบบจะทำการส่งรายละเอียดการจองมาให้ทางอีเมล ให้เราตรวจสบความถูกต้อง
และเมื่อตรวจความถูกต้องในการจองแล้ว
ให้เราส่ง email ไปตรวจสอบความกับทางโรงแรมว่ามีการจองโรงแรมของเราหรือเปล่า เพื่อความแน่นอน จะได้ไม่มีปัญหาตอนไป check in
Hello
My name is .......(ชื่อและนามสกุลของคุณ) I have recently booked a room at your hotel through ....(เว็บไซท์ที่จอง)..... My reservation no. is .... (หมายเลขการจอง). I would like to check with you if my reservation was successful.
I am looking forward to hearing back from you.
Regards,
......
อันนี้เป็นแบบฟอร์มข้อมูลที่ผมส่งไปทางอีเมลหาโรงแรมที่ผมได้จองไว้ (เก็บของคนอื่นมา เพราะผมเองก็อ่อนภาษาอังกฤษ แต่ผมก็ใช่อันนี้แหละ) แล้วทางโรงแรมก็จะอีเมลกลับมา เป็นอันเสร็จสิ้นการจองโรงแรม
สำหรับการจองโรงแรมถ้าไม่เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวก็ไม่ต้องรีบจองล่วงหน้านานหลายๆเดือน เราจะได้มีเวลาเลือกโรงแรมที่ถูกใจ มีเวลาอ่านรีวิวโรงแรมของคนอื่น เราอาจมีการเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวก็ได้ และอาจมีการเลื่อนเที่ยวบินก็ได้เหมือนกัน
ผมไปฮ่องกง 5วัน 4 คืน ผมเป็นมือใหม่เลยเลือกที่จะพักแค่โรงแรมเดียวพอ ผมไปคนเดียวเลยเลือกที่จะพักแบบ hostel เพราะราคาถูกว่า hotel มากเลยที่เดียว แต่ก็ต้องแลกด้วยกว่าไม่สะดวกสะบายเพราะจะต้องนอนรวมกับคนอื่นด้วย แต่ถ้าผมไป 2 คน ผมจะเลือกพักแบบ hotel เพราะราคาหาร 2 แล้วจะเท่าๆกับพักแบบ hostel แต่ได้รับความสะดวกสบาย มีความเป็นส่วนตัวมากกว่ากันเยอะเลยที่เดียว
เมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องพักแบบ hostelแล้ว ผมก็เลยเลือกที่พักราคาไม่ถูกสุดและไม่แพงสุด เอา hostel ราคากลางๆที่เรารับได้ และผมก็ดูลักษณะของห้องที่เราจะนอน ดูห้องน้ำ ดูว่ามีอะไรให้ฟรีบ้าง และที่สำคัญคือดูรีวิวของคนทีเคยมาพักก่อนหน้านี้ ถ้าทั้งหมดอยู่ในระดับดีก็เลือกอันนั้น
ผมเลือกพักที่ homy inn north point เมื่อจองเสร็จระบบจะทำการหักเงินในบัญชีผมเลย แต่ก็คืนเงินให้ภายหลัง
เมื่อผมไป check in เขาก็จะเก็บเงินราคาห้องพักที่เราต้องจ่าย แล้วก็จะต้องจ่ายเพิ่ม ค่า service charge อีก 10% เขาก็จะรวมมาเป็นยอดเดียวกัน ตอนแรกผมก็งงๆ ทำไหมราคามันแพงกว่าในเว็บบอก แต่ก็พอรู้ว่าอาจจะมีค่า service charge อีก 10% ด้วย (แต่ก็ดีเขาไม่เก็บค่ามัดจำ) ผมก็ไม่ได้ถามพนักงานหรอก แต่ลองคำนวนราคาแล้วใช่เลย เขาก็จะมีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน มี Adapter ของฮ่องกงให้ยึม และในห้องยังมี ผ้าขนหนู มีครีมอาบน้ำ ห้องน้ำในตัวแต่ไม่มีประตูปิดมีแค่ผ้าม่าน มีแอร์ ถือว่าดีเลยที่เดียว เสียอย่างเดียวต้องนอนรวมกันคนอื่น อีก 1 คน เพราะห้องนี้นอนได้ 2 คน
วิธีการจองโรงแรมของผม
ให้เราใส่รายละเอียดสถานที่ที่เราจะไปพัก เลือกวันที่จะ check in และ check out และเลือกจำนวนคนที่จะเข้าพัก
ก็จะมีหลายชื่อโรงแรมที่เขาแนะนำหรือโรงแรมที่กำลังลดราคาให้เราเห็นก่อน ก็สามารถเลือกได้เลยส่วนมากจะเป็นแบบ hotel แต่ผมไม่ได้พักแบบ hotel
ผมเลือกพักแบบ hostel เลยต้องตั้งค่าให้แสดงแบบถูกที่สุดขึ้นก่อน เพราะส่วนมากโรงแรมราคาถูกสุดๆ จะเป็นการพักแบบนอนรวมกันหลายคนในห้องเดียวกัน เห็นมัยที่พักราคาถูกสุดของฮองกงราคา 452 บาทเอง
อันนี้เป็นโรงแรมที่ผมจองตอนไปพักที่ฮ่องกงราคาไม่แพง คืนละ 645 บาท มีคะแนนจากคนที่มาพัก ตั้ง 8 นะ แถมไม่ค่อยมีคนติด้วย ผมเลยเลือกจอง
โดยเราเลือกห้องที่เราจะพัก แต่ละห้องจะมีรายละเอียดแต่ต่างกันอ่านให้ดีด้วย เลือกให้ห้องตามที่เราต้องการ แล้วเราก็กดจองเลย ตรวจสอบวันที่ จำนวนคนที่จะพักให้ถูกต้องด้วย
เมื่อกดจอง ก็จะแสดงรายละเอียด ราคาที่พักทั้งหมด มีค่ามัดจำเท่าไร ค่า service charge หรือเปล่า เราต้องอ่านให้ดี
แล้วก็ให้ใส่ชื่อ และรายละเอียดต่างๆของผู้ที่จะเข้าพัก ใส่ให้ถูกต้องจะได้ไม่มีปัญหาตอน check in
เมื่อใส่ชื่อเรียบร้อยแล้วก็จะมาถึงหน้าที่ให้ใส่รายละเอียดบัตรเคดิต เราก็ใส่ไประบบก็จะทำการจองให้
การจ่ายเงินบ้างโรงแรมจะหักเงินเลยเมื่อเราทำการจ่ายเงิน บ้างโรงแรมจะหักเงินก่อนแล้วทำการคืนให้ แล้วให้เราไปจ่ายเงินตอนที่เราไปเช็คอิน แต่ก็มีบ้างโรงแรมจะมีวันกำหนดว่าเราสามารถยกเลิกการจองได้ โดยไม่เสียค่าปรับ ถ้ายกเลิกหลังวันที่ๆเขากำหนดเราก็จะเสียค่าปรับ
เมื่อเราจ่ายเงินแล้วระบบจะทำการส่งรายละเอียดการจองมาให้ทางอีเมล ให้เราตรวจสบความถูกต้อง
และเมื่อตรวจความถูกต้องในการจองแล้ว
ให้เราส่ง email ไปตรวจสอบความกับทางโรงแรมว่ามีการจองโรงแรมของเราหรือเปล่า เพื่อความแน่นอน จะได้ไม่มีปัญหาตอนไป check in
Hello
My name is .......(ชื่อและนามสกุลของคุณ) I have recently booked a room at your hotel through ....(เว็บไซท์ที่จอง)..... My reservation no. is .... (หมายเลขการจอง). I would like to check with you if my reservation was successful.
I am looking forward to hearing back from you.
Regards,
......
อันนี้เป็นแบบฟอร์มข้อมูลที่ผมส่งไปทางอีเมลหาโรงแรมที่ผมได้จองไว้ (เก็บของคนอื่นมา เพราะผมเองก็อ่อนภาษาอังกฤษ แต่ผมก็ใช่อันนี้แหละ) แล้วทางโรงแรมก็จะอีเมลกลับมา เป็นอันเสร็จสิ้นการจองโรงแรม
สำหรับการจองโรงแรมถ้าไม่เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวก็ไม่ต้องรีบจองล่วงหน้านานหลายๆเดือน เราจะได้มีเวลาเลือกโรงแรมที่ถูกใจ มีเวลาอ่านรีวิวโรงแรมของคนอื่น เราอาจมีการเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวก็ได้ และอาจมีการเลื่อนเที่ยวบินก็ได้เหมือนกัน
วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
ขั้นตอนการจองตั๋วเครื่องบินของผม
หลังจากที่ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศฮ่องกงมาแล้ว เลยอยากจะเขียนขั้นตอนการจองตั๋วเครื่องบิน จะเห็นได้จากได้ตั๋วเครื่องบินไปกลับฮ่องกง 3900 บาท เป็นราคาที่ค่อนข้างถูกมาก แต่ไม่ใช้ถูกที่สุด เพราะถ้าจะให้ถูกที่สุดอาจจะต้องจองเมื่อมีโปรที่เขาให้จองล่วงหน้า 6 เดือนขึ้นไป แต่ของผมจองส่วงหน้าแค่เดือนครึ่ง ก็เลยถึงว่าเป็นราคาที่ถูกมาก ไม่ต้องเสียเวลาจองหน้า และอีกเหตุผลนึงที่ผมไม่ได้จองล่วงหน้านาน เพราะผมเพิ่งได้ไปทำ passport มาช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม พอได้ passport ถึงเริ่มวางแผนจะไปเที่ยวไหน เริ่มหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก
ต้องบอกก่อนนะผมไม่มีความรู้เรื่องการจองตั่วเครื่องบิน ก็เลยต้องหาข้อมูลการจองก่อน เลยรู้ว่าเราสามารถจองตั่วเครื่องบินผ่านเว็บสายการบินที่เราต้องการบินด้วยได้เลย และจองผ่าน agency
เมื่อรู้ที่จองแล้วผมก็ต้องหาโปรโมชั่น ส่วนลดราคาจะได้ประหยัดงบในการท่องเที่ยวหน่อย ก็พบว่ามีหลายเว็บที่เขาจะค่อยอัพเดตโปรโมชั่น เช่น ar-pae.com, friendtellpro.com, tidpro.net เป็นต้น
แล้วพบว่าส่วนมากเขาก็จะส่งไปที่เว็บ agency เช่น expedia.co.th, traveloka.com เป็นต้น
ตอนที่ผมจองตั๋วไปฮ่องกงนั้น ผมได้กำหนดวันที่ผมจะไปคราว ประมาณปลายเดือนตุลาคม ผมเลยเขาไปค่อยเซ็คราคา ทั้ง expedia.co.th, traveloka.com ทุกวัน ที่เว็บ expedia จะดีหน่อยจะบอกวันที่ตั๋วราคาถูกและมีวันใกล้เครียงกับที่เราเราต้องการจะไป
จนผมได้เจอ ตั๋วเครื่องบินไปกลับฮ่องกง 3750 บาท ของ airasia ราคาไม่รวมโหลดกระเป๋า และที่ผมเป้นคนอยากรู้อยากเห็นเลยเอาวันที่ มีราคาโปร ไปเซ็คกับเว็บ airasia พอว่าราคาแพงกว่า expedia ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน แล้วผมก็ ไปเซ็คกับ traveloka พบว่า expedia ราคาถูกกว่า แต่จากการค้นหาข้อมูล traveloka จะมีคูปองส่วนลดแจกค่อนข้างมาก ทำให้ราคาใกล้เครียงกัน แต่เราก็ต้องเสียเวลาไปหาคูปองอีก
ขั้นตอนแรกคือเข้าเว็บ expedia.com เข้าจากลิ้งที่มาจากเว็บที่บอกโปรตัวเครื่องบินก็ได้
เลือกสถานที่ไปกลับและวันที่จะไปกลับ เลือกจำนวนคน
เลือกเที่ยวบินข้างไปว่าเราต้องต้องจะไปช่วงเวลาไหน ต้องตรวจสอบวันที่และเวลาให้ละเอียดด้วย เขาจะมีบอกวันราคาถูกใกล้ๆกับวันที่เราจะไปด้วย
เราควรจะเลือกขึ้นลงสนามบินที่อยู่ใกล้บ้านเรามากที่สุดเดินทางสะดวก เพราะเรามีสนามบิน ดอนเมือง กับ สุวรรณภูมิ
เราควรเลือกเวลาเครื่องบินออกและกลับด้วย เราเลือกตั่วที่ราคาถูกที่สุดๆ แต่ต้องไปเสียค่าอื่นๆ เพิ่ม มันอาจจะไม่คุ้ม
ต้องดูด้วยว่าราคาตั๋วรวมค่าโหลดกระเป๋าด้วยหรือเปล่า
และต้องดูด้วยว่าบินตรงหรือเราต้องไปต่อเครื่องทีประเทศอื่น และต้องดูด้วยว่าใช้เวลาต่องเครื่องนานหรือ ถ้าน้อยไปอาจจะไปต่อเครื่องไม่ทัน ถ้าเวลาต่อเครื่องนานเราอาจจะเข้าไปเที่ยวประเทศในได้ด้วย โดยเฉพาะประเทศที่เราไม่ต้องของวีซ่า และบ้างที่ประเทศที่เราไปต่อเครื่องอาจจะต้องขอวีซ่าด้วย ต้องศึกษาหาข้อมูลดีๆ
อย่างเช่น thai airasia x ด้านบนจะเป็นแบบบินตรง คือจะบินตรงไปถึงปลายทางเลย แต่ไม่รวมค่าโหลดกระเป๋า
ส่วนอันล่างจะของ hongkong airline เป็นแบบต่อเครื่อง โดยจะต้องไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง จะมีเวลาต่อเครื่อง 6 ชั่วโมง 30 นาที ลองดูเวลาไปถึงฮ่องกง 9:00 และเครื่องออก 15:30 เท่ากับเรามีเวลาพอที่จะเข้าไปเที่ยวในประเทศฮ่องกงได้ เหมือนเราได้เที่ยว 2 ประเทศเลย และรวมกับโหลดกระเป๋าฟรี 20 กิโลกรัม
เลือกเที่ยวบินข้างกลับ
จะถามว่าจะจองโรงแรมพร้อมเที่ยวบินเลยหรือเปล่า บ้างที่การจองตั่วเพิ่มกับโรงแรมราคาอาจจะถูกลงอีก
ตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินไปกลับ ต้องตรวจสอบให้ดีด้วย
ใส่รายละเอียด ชื่อ และรายละเอียดต่างๆของคนที่จะบินต้องให้ตรงกับใน passport (เวลาจองตั๋วผมจะหยิบ passport มาดูเลยทุกครั้ง กันความผิดพลาด) ห้ามผิดเด็ดขาด เพราะถ้าผิดจะมีปัญหาในการ เช็คอิน อาจจะต้องเสียตังเพิ่ม หรืออาจจะต้องทิ้งตั๋วเครื่องบินเลยก็ได้
และใส่รายละเอียด บัตรเคดิต (ผมไม่มีบัตร บัตรเคดิต เลยจ่ายด้วย K-Web Shopping Card )
แล้วก็รอระบบทำการตัดเงิน และเราก็ต้องจ่ายค่าค่าธรรมเนียมตัดบัตรเครดิตเพิ่มเติม แต่ราคาจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบิน
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว เราก็ต้องมาตรวจสอบใน email ว่ามีการยืนยันการจองตั๋วเครื่องบินของเราหรือเปล่า ถ้ามีก็จะมี email ที่มาจากสายการบินที่เราจอง จะมีคำว่า itinerary ประมาณนี้ และถ้าเราจองผ่านทาง expedia เราก็จะได้อีเมลยืนยันจากทาง expedia ด้วย
รายละเอียดในอีเมล จะมีข้อความ บอก รายละเอียดของเที่ยวบิน และบอก Booking reference จะเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษหรือตัวเลข 6 ตัว
เราก็ต้องเข้าไปตรวจสอบในเว็บของสายการบินอีกที่ ในที่นี้ผมจองตั่วกับทาง airasia และผมก็เป็นสมาชิกกับทางเว็บของเขาอยู่แล้วเลยสามารถเข้าไปดูได้เลยว่า มี booking เข้าเราอยู่มั้ย โดยดูได้ที่เมนู "บุ๊คกิ้งของคุณ"
ก็จะมีรายละเอียด การจองของเราขึ้นมา แต่ถ้าจองผ่านทาง expedia อาจจะไม่มี ให้เราเข้าไปดูในเมนู "ดูข้อมูลการสำรองที่นั่ง" ขึ้นอยู่ ให้เราย้ายมากอยู่ในหน้า "บุ๊คกิ้งของคุณ" ได้เลย
บางสายการบินที่เราไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกกับทางเว็บของสายการบินนั้น เราก็สามารถตรวจสอบ booking ของเราได้ อย่างเช่น jetstar ผมไม่ได้เป็นสมาชิกกับทางเว็บของเขา เขาก็จะมี Manage booking โดยจะให้เราใส่หรัส Booking Reference ที่ได้จากการจอง และ Email ที่ใช้ในการจอง
เราสามารถสั่งอาหาร ชื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม หรือจองทีนั่งได้ในนี้เลย เพราะใน expedia ไม่สามารถซิ้อได้ เท่านี้ก็เป็นอันจองตั๋วเครื่องบินเสร็จสิ้น
และเราก็ต้องค่อยดูในอีเมลเราด้วยบ้างที่จะมีสายการบินแจ้งเลื่อนเวลาเที่ยวบินก็มีนะ
แต่ก็มีทริกในการจองตั๋วเครื่องบินด้วย แบบว่าถ้าจองพร้อมที่พักด้วย ราคาจะถูกกว่า จองตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว โดยเฉพาะ airasia ชอบออกโปรประเภทนี้มากมากเลยที่เดี่ยว เรียกว่า จองโรงแรมบินฟรี
จะสามารถเห็นได้ว่าผมลองจองวันที่เดียวกัน จะเห็นได้ว่าราคาตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว ราคา 1580 บาท
แต่ถ้าจองตั๋วพร้อมกับจองโรงแรมราคา 987 บาท เอง
เวลาจองตั๋วเครื่องจึงควรเลือกตรวจสอบหลายๆที่และหลายวิธีในการจอง และเลือกเวลาให้ถูกใจและคุ้มมากที่สุด ก็จะทำให้เราได้ตั๋วราคาถูก
ต้องบอกก่อนนะผมไม่มีความรู้เรื่องการจองตั่วเครื่องบิน ก็เลยต้องหาข้อมูลการจองก่อน เลยรู้ว่าเราสามารถจองตั่วเครื่องบินผ่านเว็บสายการบินที่เราต้องการบินด้วยได้เลย และจองผ่าน agency
เมื่อรู้ที่จองแล้วผมก็ต้องหาโปรโมชั่น ส่วนลดราคาจะได้ประหยัดงบในการท่องเที่ยวหน่อย ก็พบว่ามีหลายเว็บที่เขาจะค่อยอัพเดตโปรโมชั่น เช่น ar-pae.com, friendtellpro.com, tidpro.net เป็นต้น
แล้วพบว่าส่วนมากเขาก็จะส่งไปที่เว็บ agency เช่น expedia.co.th, traveloka.com เป็นต้น
ตอนที่ผมจองตั๋วไปฮ่องกงนั้น ผมได้กำหนดวันที่ผมจะไปคราว ประมาณปลายเดือนตุลาคม ผมเลยเขาไปค่อยเซ็คราคา ทั้ง expedia.co.th, traveloka.com ทุกวัน ที่เว็บ expedia จะดีหน่อยจะบอกวันที่ตั๋วราคาถูกและมีวันใกล้เครียงกับที่เราเราต้องการจะไป
จนผมได้เจอ ตั๋วเครื่องบินไปกลับฮ่องกง 3750 บาท ของ airasia ราคาไม่รวมโหลดกระเป๋า และที่ผมเป้นคนอยากรู้อยากเห็นเลยเอาวันที่ มีราคาโปร ไปเซ็คกับเว็บ airasia พอว่าราคาแพงกว่า expedia ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน แล้วผมก็ ไปเซ็คกับ traveloka พบว่า expedia ราคาถูกกว่า แต่จากการค้นหาข้อมูล traveloka จะมีคูปองส่วนลดแจกค่อนข้างมาก ทำให้ราคาใกล้เครียงกัน แต่เราก็ต้องเสียเวลาไปหาคูปองอีก
ขั้นตอนแรกคือเข้าเว็บ expedia.com เข้าจากลิ้งที่มาจากเว็บที่บอกโปรตัวเครื่องบินก็ได้
เลือกสถานที่ไปกลับและวันที่จะไปกลับ เลือกจำนวนคน
เลือกเที่ยวบินข้างไปว่าเราต้องต้องจะไปช่วงเวลาไหน ต้องตรวจสอบวันที่และเวลาให้ละเอียดด้วย เขาจะมีบอกวันราคาถูกใกล้ๆกับวันที่เราจะไปด้วย
เราควรจะเลือกขึ้นลงสนามบินที่อยู่ใกล้บ้านเรามากที่สุดเดินทางสะดวก เพราะเรามีสนามบิน ดอนเมือง กับ สุวรรณภูมิ
เราควรเลือกเวลาเครื่องบินออกและกลับด้วย เราเลือกตั่วที่ราคาถูกที่สุดๆ แต่ต้องไปเสียค่าอื่นๆ เพิ่ม มันอาจจะไม่คุ้ม
ต้องดูด้วยว่าราคาตั๋วรวมค่าโหลดกระเป๋าด้วยหรือเปล่า
และต้องดูด้วยว่าบินตรงหรือเราต้องไปต่อเครื่องทีประเทศอื่น และต้องดูด้วยว่าใช้เวลาต่องเครื่องนานหรือ ถ้าน้อยไปอาจจะไปต่อเครื่องไม่ทัน ถ้าเวลาต่อเครื่องนานเราอาจจะเข้าไปเที่ยวประเทศในได้ด้วย โดยเฉพาะประเทศที่เราไม่ต้องของวีซ่า และบ้างที่ประเทศที่เราไปต่อเครื่องอาจจะต้องขอวีซ่าด้วย ต้องศึกษาหาข้อมูลดีๆ
อย่างเช่น thai airasia x ด้านบนจะเป็นแบบบินตรง คือจะบินตรงไปถึงปลายทางเลย แต่ไม่รวมค่าโหลดกระเป๋า
ส่วนอันล่างจะของ hongkong airline เป็นแบบต่อเครื่อง โดยจะต้องไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง จะมีเวลาต่อเครื่อง 6 ชั่วโมง 30 นาที ลองดูเวลาไปถึงฮ่องกง 9:00 และเครื่องออก 15:30 เท่ากับเรามีเวลาพอที่จะเข้าไปเที่ยวในประเทศฮ่องกงได้ เหมือนเราได้เที่ยว 2 ประเทศเลย และรวมกับโหลดกระเป๋าฟรี 20 กิโลกรัม
เลือกเที่ยวบินข้างกลับ
จะถามว่าจะจองโรงแรมพร้อมเที่ยวบินเลยหรือเปล่า บ้างที่การจองตั่วเพิ่มกับโรงแรมราคาอาจจะถูกลงอีก
ตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินไปกลับ ต้องตรวจสอบให้ดีด้วย
ใส่รายละเอียด ชื่อ และรายละเอียดต่างๆของคนที่จะบินต้องให้ตรงกับใน passport (เวลาจองตั๋วผมจะหยิบ passport มาดูเลยทุกครั้ง กันความผิดพลาด) ห้ามผิดเด็ดขาด เพราะถ้าผิดจะมีปัญหาในการ เช็คอิน อาจจะต้องเสียตังเพิ่ม หรืออาจจะต้องทิ้งตั๋วเครื่องบินเลยก็ได้
และใส่รายละเอียด บัตรเคดิต (ผมไม่มีบัตร บัตรเคดิต เลยจ่ายด้วย K-Web Shopping Card )
แล้วก็รอระบบทำการตัดเงิน และเราก็ต้องจ่ายค่าค่าธรรมเนียมตัดบัตรเครดิตเพิ่มเติม แต่ราคาจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบิน
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว เราก็ต้องมาตรวจสอบใน email ว่ามีการยืนยันการจองตั๋วเครื่องบินของเราหรือเปล่า ถ้ามีก็จะมี email ที่มาจากสายการบินที่เราจอง จะมีคำว่า itinerary ประมาณนี้ และถ้าเราจองผ่านทาง expedia เราก็จะได้อีเมลยืนยันจากทาง expedia ด้วย
เราก็ต้องเข้าไปตรวจสอบในเว็บของสายการบินอีกที่ ในที่นี้ผมจองตั่วกับทาง airasia และผมก็เป็นสมาชิกกับทางเว็บของเขาอยู่แล้วเลยสามารถเข้าไปดูได้เลยว่า มี booking เข้าเราอยู่มั้ย โดยดูได้ที่เมนู "บุ๊คกิ้งของคุณ"
ก็จะมีรายละเอียด การจองของเราขึ้นมา แต่ถ้าจองผ่านทาง expedia อาจจะไม่มี ให้เราเข้าไปดูในเมนู "ดูข้อมูลการสำรองที่นั่ง" ขึ้นอยู่ ให้เราย้ายมากอยู่ในหน้า "บุ๊คกิ้งของคุณ" ได้เลย
บางสายการบินที่เราไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกกับทางเว็บของสายการบินนั้น เราก็สามารถตรวจสอบ booking ของเราได้ อย่างเช่น jetstar ผมไม่ได้เป็นสมาชิกกับทางเว็บของเขา เขาก็จะมี Manage booking โดยจะให้เราใส่หรัส Booking Reference ที่ได้จากการจอง และ Email ที่ใช้ในการจอง
เราสามารถสั่งอาหาร ชื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม หรือจองทีนั่งได้ในนี้เลย เพราะใน expedia ไม่สามารถซิ้อได้ เท่านี้ก็เป็นอันจองตั๋วเครื่องบินเสร็จสิ้น
และเราก็ต้องค่อยดูในอีเมลเราด้วยบ้างที่จะมีสายการบินแจ้งเลื่อนเวลาเที่ยวบินก็มีนะ
แต่ก็มีทริกในการจองตั๋วเครื่องบินด้วย แบบว่าถ้าจองพร้อมที่พักด้วย ราคาจะถูกกว่า จองตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว โดยเฉพาะ airasia ชอบออกโปรประเภทนี้มากมากเลยที่เดี่ยว เรียกว่า จองโรงแรมบินฟรี
จะสามารถเห็นได้ว่าผมลองจองวันที่เดียวกัน จะเห็นได้ว่าราคาตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว ราคา 1580 บาท
แต่ถ้าจองตั๋วพร้อมกับจองโรงแรมราคา 987 บาท เอง
เวลาจองตั๋วเครื่องจึงควรเลือกตรวจสอบหลายๆที่และหลายวิธีในการจอง และเลือกเวลาให้ถูกใจและคุ้มมากที่สุด ก็จะทำให้เราได้ตั๋วราคาถูก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)